คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ลงอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะขยายตัวเพียง 1.5-2.0% ซึ่งต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ โดยมีปัจจัยหลักมาจากการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร. ว่ามีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับประเด็นการ "สวมสิทธิ์การส่งออก" และการ "re-export" โดยใช้สัดส่วนวัตถุดิบภายในประเทศ (local content) ต่ำ ซึ่งแม้จะทำให้ตัวเลขการส่งออกดูสูงขึ้น แต่กลับไม่ได้ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง เนื่องจากมีการนำเข้าที่สูงตามไปด้วย สวนทางกับภาคการผลิต การบริโภคในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ไม่ได้เติบโตตาม นอกจากนี้ ประเทศไทยยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึกระหว่างการนำเข้าและการส่งออก ทำให้ยากต่อการติดตามและแก้ไขปัญหา re-export อย่างเป็นรูปธรรม
กกร. ยังมองว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงและมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยเฉพาะจากมาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาทางกฎหมาย ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่มภาษีเฉพาะกลุ่ม (sectoral tariff) สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน, สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ก็มีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสงครามการค้าได้ในระดับหนึ่ง
จากปัจจัยเหล่านี้ กกร. จึงได้ปรับลดประมาณการการส่งออกของไทยในปี 2568 ลงมาอยู่ในช่วง -0.5 ถึง 0.3% ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่เผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนสูง