นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกข้าว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีความต้องการซื้อข้าวไทยเข้ามาเพิ่มมากขึ้น มีหลายประเทศที่ติดต่อและสนใจซื้อข้าวไทย
โดยเฉพาะจากประเทศที่ไทยได้เดินทางไปเยือนกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าก่อนหน้านี้ ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น รวมถึงประเทศอื่น ๆ โดยการส่งออกข้าวไทยในช่วง 7 เดือนของปี 2566 มีปริมาณ 4.64 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13.45% มูลค่า 2,568 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.13% และคิดเป็นเงินบาทมูลค่า 87,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.45%
แต่หากดูตัวเลขล่าสุดจากกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรม ตั้งแต่ 1 ม.ค.-29 ส.ค.2566 การส่งออกมีปริมาณ 5.29 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11.91% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“ตอนที่นำคณะผู้ส่งออกเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์กับคู่ค้า ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ได้สร้างความเชื่อมั่นว่าไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าว ข้าวมีเพียงพอ และจะยังส่งออกตามปกติ แม้ว่าอินเดียจะห้ามส่งออกข้าวขาว โดยยืนยันไม่กระทบกับการส่งออกข้าวของไทย ทุกคนสามารถที่จะขอซื้อข้าวจากไทยได้”
ส่วน กรณีอินเดียห้ามส่งออกข้าวขาว ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ต่อมา 25 ส.ค. เก็บภาษีส่งออกข้าวนึ่ง 20% 26 ส.ค. กำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำข้าวบาสมาติที่ 1,200 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพื่อสกัดการส่งออกข้าวขาวที่ติดสลากและสำแดงเป็นข้าวบาสมาติ มองว่า มีผลกระทบต่อตลาดข้าวโลก
ทำให้เกิดความกังวลและกระทบด้านราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องข้าวขาดแคลน เพราะอินเดียยังเปิดช่องให้มีการส่งออก โดยมีข้อยกเว้นให้กับประเทศที่จะซื้อข้าวเพื่อความมั่นคงด้านอาหารได้ ทำให้อินเดียมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น
Cr: thansettakij