นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความล่าช้าของโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งใหม่ พร้อมสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์ที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ซึ่งดำเนินการโดยกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ด้วยงบประมาณ 639.89 ล้านบาท โดยมีผู้รับจ้างคือ กิจการร่วมค้าซีไอเอส ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ไอเอสโอ เอนจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด

โครงการนี้เริ่มต้นสัญญาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 ในสมัยรัฐบาลก่อน และมีกำหนดสิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 แต่เนื่องจากเกิดอุทกภัยในพื้นที่ช่วงปลายปี 2567 จึงมีการขยายอายุสัญญาออกไป อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของงานกลับเป็นไปอย่างล่าช้าอย่างมาก โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 พบว่ามีความคืบหน้าเพียง 0.64% ส่งผลให้ภาพรวมของโครงการล่าช้ากว่าแผนถึง 61.27% ซึ่งกระทรวงมองว่าผู้รับจ้างอาจไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ตามเงื่อนไขของสัญญา

เพื่อเร่งรัดงาน ทย. ได้เชิญผู้รับจ้างเข้าประชุมเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมตั้งเงื่อนไขว่าหากในระยะเวลา 2 เดือน ไม่มีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเดือนละ 5% ทย. จะดำเนินการยกเลิกสัญญาทันที พร้อมทั้งแจ้งชื่อเป็นผู้ทิ้งงาน ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สามารถเข้ารับงานราชการในอนาคตได้

อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไปหนึ่งเดือน ผลงานในเดือนมีนาคมยังคงไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยความคืบหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.51% ทำให้โครงการโดยรวมคืบหน้าเพียง 39.24% ซึ่งล่าช้ากว่าแผนถึง 60.76% หรือเทียบเท่ากับล่าช้ากว่า 631 วัน ทางทย. จึงได้มีการส่งจดหมายเตือนอย่างเป็นทางการ และกำลังติดตามผลงานในเดือนที่สองอย่างใกล้ชิด

นางมนพรยังกล่าวว่า หากผลการติดตามยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ก็ถือว่าผู้รับจ้างไม่มีความสามารถในการดำเนินโครงการต่อไป และจะต้องถูกยกเลิกสัญญาตามระเบียบ รวมถึงแจ้งชื่อเป็นผู้ทิ้งงานตามกระบวนการทางกฎหมาย

ในขณะเดียวกัน เธอยังได้สั่งการให้ ทย. ประสานกับที่ปรึกษาควบคุมงานให้เร่งตรวจสอบมาตรฐานงานก่อสร้างทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการก่อสร้างที่ได้ดำเนินการไปแล้ว พร้อมให้รายงานผลอย่างละเอียดภายใน 3 วัน หากพบข้อบกพร่องหรือสิ่งผิดปกติ ต้องรีบดำเนินการแก้ไขทันที

นางมนพรย้ำในตอนท้ายว่า กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับคุณภาพงานก่อสร้างทุกโครงการเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องวัสดุและมาตรฐานการก่อสร้างที่ต้องเป็นไปตามแบบแผนที่กำหนด พร้อมอยู่ภายใต้การตรวจสอบของวิศวกรผู้ควบคุมงานอย่างเข้มงวด เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการจากโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง ปลอดภัย และได้มาตรฐานสูงสุด

ที่มา - khaosod