จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ทีเส็บ กล่าวว่า การยกระดับขึ้นเป็น “อีอีซี มหานครแห่งไมซ์” ของภาคตะวันออก
จะเชื่อมต่อการพัฒนา “อุตสาหกรรมไมซ์” (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ในพื้นที่ทั้งหมด กระจายความเจริญและรายได้สู่ชุมชนในภูมิภาค ตอบโจทย์ทั้งแผนยุทธศาสตร์ไมซ์ 20 ปี รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศ
ทีเส็บได้ผลักดันต่อยอดการสร้าง “จุดขายใหม่” ของเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ในฐานะเมืองที่มีโอกาสทางธุรกิจและการพัฒนาองค์ความรู้ในสาขาอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ “อีอีซี” และจะใช้จุดขายนี้ในการทำการตลาดต่างประเทศและการตลาดในประเทศให้เมืองพัทยา เพราะเชื่อว่าจุดขายเชิงธุรกิจที่ชัดเจนนี้ จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดขายเชิงอินเซนทีฟและเทศกาลที่มีอยู่เดิม ครอบคลุมทั้งการประชุมนานาชาติ
งานแสดงสินค้า การประชุมองค์กร การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และงานเทศกาลนานาชาติ
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมไมซ์ภาคตะวันออกในพื้นที่อีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุน มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราการเพิ่มขึ้นของนักเดินทางท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน และผู้โยกย้ายมาเพื่ออยู่อาศัยมากขึ้น เมืองพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นเมืองไมซ์ที่มีศักยภาพและความพร้อม
ทีเส็บ คาดการณ์ว่าตลอดปีงบประมาณ 2566 รายได้ไมซ์รวมจากทั้งตลาดในและต่างประเทศมีแนวโน้มอยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างชาติเกิน 5 หมื่นล้านบาท ฟื้นตัวเกิน 50% เทียบกับรายได้ตลาดต่างชาติปี 2562 ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ
Cr: bangkokbiznews