ไทยมีจังหวัดชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 24 จังหวัด และหนึ่งในเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญที่กำลังได้รับความสนใจคือ "ถนนหมายเลข R11" ซึ่งเชื่อมต่อ เชียงใหม่–เวียงจันทน์ เข้าด้วยกันในระยะทางกว่า 629 กิโลเมตร ภายใต้แนวคิด Chiang Mai-Vientiane Economic Corridor (CVEC) ที่จะยกระดับเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ระหว่างไทยและ สปป.ลาว อย่างยั่งยืน
เบื้องหลังโครงการนี้คือ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน (เงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) และด้านวิชาการ ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในลาว ซึ่งถือเป็น "แบตเตอรี่ของเอเชีย" และเป็นพันธมิตรการค้าหลักของไทยในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
✅ เส้นทาง R11: เส้นเลือดเศรษฐกิจสายใหม่
ถนนสาย R11 นี้ เชื่อมจากด่านภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ ที่ได้รับการยกระดับเป็นด่านถาวร ข้ามพรมแดนไปยัง เมืองปากลาย แขวงไซยะบุรี ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งใหม่ของ สปป.ลาว โดยโครงการนี้แบ่งเป็น 3 ช่วงสำคัญ:
ภูดู่ (อุตรดิตถ์) – เมืองปากลาย (ลาว)
ระยะทาง 32 กม.
งบประมาณ 718 ล้านบาท
แล้วเสร็จปี 2557
บ้านตาดทอง – น้ำสัง – เมืองสังข์ทอง
ระยะทาง 82 กม.
งบประมาณ 1,392 ล้านบาท
แล้วเสร็จปี 2557
ครกข้าวดอ – บ้านโนนสะหวัน – สานะคาม – บ้านวัง – บ้านน้ำสัง
ระยะทาง 124 กม.
งบประมาณ 1,826.50 ล้านบาท
แล้วเสร็จกรกฎาคม 2566
เส้นทางนี้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 นับเป็นการเชื่อมต่อ “จุดขาด” (Missing Link) ที่สำคัญของ CVEC โดยลดระยะทางจากเส้นทางเดิมกว่า 234 กิโลเมตร และประหยัดเวลาเดินทางมากกว่า 3 ชั่วโมง
🌏 พลังของการเชื่อมโยงเศรษฐกิจและชุมชนชายแดน
พีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ NEDA เน้นว่า เส้นทาง R11 ไม่เพียงเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านถนนเท่านั้น แต่ยังเป็น "พลังเชื่อมโยง" ที่ช่วยให้ทั้งสองประเทศเดินหน้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่:
- เพิ่มความสะดวกในการเดินทางและขนส่ง
- ลดต้นทุนโลจิสติกส์
- กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน
- เชื่อมโยงชุมชนในลาวที่เคยเข้าถึงยาก เช่น เมืองสานะคาม บ้านวัง และบ้านน้ำสัง
- เสริมสร้างความร่วมมือและสายสัมพันธ์ระดับภูมิภาค
นอกจากนี้ เส้นทางยังลัดเลาะไปตามแม่น้ำโขง ทำให้มีทัศนียภาพงดงาม เหมาะสำหรับการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวในอนาคตอีกด้วย
🛍️ การค้า-การส่งออก: โอกาสใหม่ของด่านภูดู่
ด่านภูดู่กำลังกลายเป็นจุดผ่านแดนสำคัญสำหรับสินค้าไทย-ลาว
สินค้านำเข้า: ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, เศษเหล็ก, จักสาน
สินค้าส่งออก: น้ำมันเชื้อเพลิง, สินค้าอุปโภคบริโภค, อุปกรณ์เกษตร, อาหาร, เสื้อผ้าสำเร็จรูป
🔄 มุมมองการพัฒนาแบบ “Win-Win”
แม้จะมีบางกระแสตั้งคำถามว่า ทำไมไทยต้องให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ยังมีพื้นที่ในประเทศที่ต้องการการพัฒนาเช่นกัน
แต่หากมองในมุมของ “การเติบโตไปด้วยกัน” จะพบว่า ความเจริญที่ไทยส่งมอบให้เพื่อนบ้าน ไม่เพียงส่งผลดีกับอีกฝั่ง แต่ยัง ส่งผลดีทางอ้อมกลับมายังจังหวัดชายแดนไทย ด้วย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ โลจิสติกส์ และการค้า และนี่คือแนวคิดการพัฒนาแบบรอบด้าน ที่ประเทศที่มี "ความเจริญทางความคิด" ต่างเลือกใช้ เพื่อให้ทั้งภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน
ที่มา - gotomanager