admin 2

L2D Page (138)

"คมนาคม" ชง ครม. 9 ธ.ค. เคาะหลักการ "ซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า" ดันตั๋วร่วมเต็มรูปแบบ

กระทรวงคมนาคมเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ เพื่อขอความเห็นชอบในหลักการ “การซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การปฏิรูประบบรางในกรุงเทพฯ ให้เป็นเอกภาพ โดยตั้งเป้าผลักดันให้การบริหารจัดการรถไฟฟ้าอยู่ภายใต้รูปแบบ Single Ownership นำโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อให้สามารถเดินหน้าระบบตั๋วร่วมได้อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกรมการขนส่งทางราง รฟม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาแนวทางและแหล่งเงินสำหรับการซื้อคืนสัมปทาน โดยต้องไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะ แม้กระบวนการจะยังต้องใช้เวลาและคาดว่าจะไม่สามารถสรุปได้ทันรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่ต้องเร่งให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการไว้ก่อน เพื่อเป็นสารตั้งต้นให้รัฐบาลชุดถัดไปเดินหน้าต่ออย่างต่อเนื่อง

ในด้านการดำเนินงาน รฟม. ได้รับไฟเขียวจากคณะกรรมการจัดการจราจรทางบก (คจร.) ให้เป็นผู้บริหารระบบรถไฟฟ้าทั้งหมดเมื่อการซื้อคืนสำเร็จ ซึ่งจะนำไปสู่การรวมศูนย์การบริหาร ทำให้สามารถออกแบบโครงสร้างค่าโดยสารและระบบตั๋วร่วมได้อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียว นายพิพัฒน์ระบุว่า ได้หารือเบื้องต้นกับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าทุกราย ทั้ง BEM และ BTSC รวมถึงผู้รับสัมปทานสายสีชมพูและสีเหลือง ทุกฝ่ายเปิดกว้างต่อแนวทางซื้อคืน แต่ต้องเจรจาให้ได้ราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งรัฐและเอกชน ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานครก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ แต่ต้องการความชัดเจนในรายละเอียดด้านราคาสัมปทานเช่นกัน

ความท้าทายสำคัญของโครงการคือการหาแหล่งเงินโดยไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะ โดยกำลังพิจารณาอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ การระดมทุนผ่านตราสารหนี้ลักษณะคล้ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (เช่น TFFIF) และการให้สัมปทานใหม่ระยะยาว 30 ปี แก่เอกชนเพื่อนำไปเป็นหลักประกันในการกู้เงินจากสถาบันการเงิน แนวทางเหล่านี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของภาคเอกชนร่วมด้วย

ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมได้เริ่มวางรากฐานระบบตั๋วร่วมผ่านมาตรการ “40 บาทตลอดวัน” ซึ่งถือเป็นต้นแบบของค่าโดยสารแบบบูรณาการ ผู้โดยสารที่ใช้บัตร EMV เช่น บัตรเดบิตหรือเครดิต Visa และ Mastercard จะถูกคิดค่าโดยสาร 42 บาทต่อวัน แต่ระบบจะคืนเงิน 2 บาทภายในสามวันทำการ ทำให้จ่ายจริงเพียง 40 บาท หากไม่มีบัตร EMV ผู้โดยสารสามารถซื้อบัตรแบบใช้ครั้งเดียวจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน

นโยบายนี้ออกแบบมาเพื่อลดภาระของผู้เดินทางเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางมากกว่า 2 เที่ยวต่อวัน เช่น ผู้ปกครองที่ต้องเดินทางหลายรอบเพื่อรับ–ส่งบุตรหลาน จากเดิมที่เสียค่าเดินทางเฉลี่ย 80 บาทต่อวัน จะลดเหลือเพียง 40 บาท หรือเที่ยวละประมาณ 10 บาท ช่วยลดค่าครองชีพได้ทันที นายพิพัฒน์ย้ำว่า มาตรการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการวางระบบค่าโดยสารร่วมทั้งเครือข่าย เพื่อให้รถไฟฟ้าทุกเส้นทางสามารถใช้บัตรใบเดียวและจ่ายราคาแบบเดียวกันได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพมหานคร.

L2D Page (137)

สภาธุรกิจไทย-เมียนมา (TMBC) ลงนามความร่วมมือ กับ 3 สมาคมในเมียนมา ได้แก่ TBAM, MTBC, MIFFA

สภาธุรกิจไทย-เมียนมา (TMBC) ได้ลงนามความร่วมมือกับสามสมาคมสำคัญของเมียนมา ได้แก่ สมาคมนักธุรกิจไทยในเมียนมา (TBAM), สภาธุรกิจเมียนมา-ไทย (MTBC) ภายใต้สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา (UMFCCI) และสมาคมผู้ประกอบการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศของเมียนมา (MIFFA) โดยพิธีลงนามจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18–19 พฤศจิกายน 2568 ณ กรุงย่างกุ้ง ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือภาคเอกชนไทย–เมียนมาในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

การลงนามครั้งนี้มุ่งส่งเสริมการค้าการลงทุน เพิ่มช่องทางความร่วมมือ และสร้างกลไกแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจของทั้งสองฝ่าย โดยทั้งสี่องค์กรเห็นพ้องที่จะจัดประชุมคณะกรรมการร่วมอย่างน้อยปีละสองครั้ง รวมถึงร่วมกันจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมธุรกิจ การค้า การขนส่ง และการลงทุน เพื่อพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจร่วมกันในระยะยาว

ในเชิงผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็น “โอกาสเชิงกลยุทธ์” สำหรับผู้ประกอบการไทย เนื่องจากช่วยสร้างช่องทางสื่อสารกับภาคเอกชนเมียนมาโดยตรง ทำให้สามารถติดตามทิศทางตลาด ความต้องการสินค้า และแนวทางพัฒนาธุรกิจได้แม่นยำขึ้น พร้อมทั้งช่วยเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มโอกาสการเจรจาและการจับคู่ธุรกิจในอนาคต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขยายการค้าและการลงทุนของไทยในเมียนมาอย่างมีนัยสำคัญ

แม้เมียนมาจะยังมีความท้าทายหลายด้าน ทั้งสถานการณ์ภายในประเทศ ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบการนำเข้า การขอใบอนุญาตนำเข้า (Import License) การจับคู่กับรายได้ส่งออก (Export Earning) รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ แต่ตลาดเมียนมายังคงมีศักยภาพสูง เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าไทยและให้ความนิยมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ระบบขนส่งบางเส้นทางที่ได้รับผลกระทบ เช่น ด่านเมียวดี–แม่สอด (สะพานมิตรภาพ 2) ที่ปิดชั่วคราวตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 ยังสามารถใช้เส้นทางทดแทนได้ เช่น ท่าเรือระนอง–ย่างกุ้ง ท่าเรือแหลมฉบัง–ย่างกุ้ง หรือด่านแม่สาย–ท่าขี้เหล็ก เพื่อให้การค้าไม่สะดุด

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง (สคต.ย่างกุ้ง) ยืนยันพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาด ฝ่าความท้าทายด้านกฎระเบียบและสถานการณ์ พร้อมผลักดันให้ธุรกิจไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเติบโตของการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและเมียนมาอย่างยั่งยืนในระยะต่อไป.

L2D Page (136)

ครม. เศรษฐกิจเคาะแล้ว“คนละครึ่งพลัสเฟส 2”

ครม.เศรษฐกิจไฟเขียว “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ควบคู่เปิดรอบใหม่บัตรสวัสดิการรัฐ เตรียมชง ครม. พรุ่งนี้ พร้อมเดินหน้าแพ็กเกจออมลดหย่อนภาษีสูงสุด 8 แสนบาท

การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความคืบหน้าอย่างสำคัญ หลังในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบ “โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2” พร้อมทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยทั้งสองมาตรการเตรียมนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค. 2568)

นอกจากมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายแล้ว ที่ประชุมยังรับทราบความก้าวหน้าและเห็นชอบในหลักการของมาตรการ “Quick Big Win” ซึ่งมุ่งเสริมสร้างฐานะทางการเงินและโอกาสการออมของประชาชน ผ่านแนวคิดการออมรูปแบบใหม่ที่กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอให้ ครม. พิจารณาในวันเดียวกัน โดยมาตรการนี้จะช่วยขยายทางเลือกด้านการออมให้หลากหลายขึ้น เพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง สามารถวางแผนการเงินเพื่อชีวิตหลังเกษียณได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐในด้านสวัสดิการผู้สูงอายุในระยะยาว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า รูปแบบการออมที่เสนอครั้งนี้อ้างอิงจากการศึกษาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้โมเดล Individual Saving Account (ISA) ที่เปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยง ทั้งหลักทรัพย์ หุ้น พันธบัตร หรือผลิตภัณฑ์การเงินอื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดจะถูกรวมเป็นเพดานลดหย่อนภาษีร่วมกับรายการออมเพื่อเกษียณที่มีอยู่เดิม เช่น TISA, RMF, SSF, เบี้ยประกันชีวิต–สุขภาพ และดอกเบี้ยบ้าน โดยทุกประเภทจะถูกรวมกันภายใต้เพดาน 800,000 บาทต่อปี

ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผลของนโยบาย Quick Big Win ได้ส่งแรงกระเพื่อมเชิงบวกต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยดัชนีความเชื่อมั่นทั้งสามกลุ่มหลักล้วนฟื้นตัว ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาคที่ขยับจากระดับ 65.9 ในเดือนกันยายนขึ้นสู่ 71.1 ในเดือนตุลาคม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นจาก 50.7 มาอยู่ที่ 53.2 ในเดือนพฤศจิกายน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs ปรับตัวดีขึ้นจาก 48.0 ในเดือนกันยายนแตะระดับ 53.2 ในเดือนพฤศจิกายน

การประชุมในครั้งนี้จึงถือเป็นสัญญาณเชิงรุกของรัฐบาลในการเดินหน้าทั้งมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและการสร้างเสถียรภาพทางการเงินระยะยาว ซึ่งจะถูกตัดสินชี้ขาดโดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ว่าจะเริ่มเดินหน้าอย่างเป็นทางการภายในช่วงต้นปีหน้าหรือไม่

L2D Page (135)

หาดใหญ่อ่วม ยอดจองปีใหม่หายเกือบ 100% เศรษฐกิจพังเฉียดหมื่นล้าน

หาดใหญ่เผชิญวิกฤตท่องเที่ยวหนัก ยอดจองปีใหม่หายเกือบทั้งหมด ขยะล้นเมือง–ฟื้นตัวล่าช้า เสี่ยงความเสียหายแตะหมื่นล้านบาท

สถานการณ์หลังน้ำท่วมใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ยังคงทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ทั่วเมือง แม้ว่าน้ำจะลดลงและธุรกิจหลายแห่งเริ่มกลับมาเปิดให้บริการ แต่บรรยากาศโดยรวมยังห่างไกลจากภาวะปกติ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงกว่าที่คาด เมื่อยอดจองช่วงเทศกาลปีใหม่ถูกยกเลิกแทบทั้งหมด ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ชะงักงันเกือบทั้งเมือง

นายสิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่–สงขลา เปิดเผยว่า แม้หลายฝ่ายคาดหวังให้เมืองหาดใหญ่ฟื้นตัวทันช่วงไฮซีซั่นปลายปี แต่ปัญหาขยะและตะกอนโคลนที่ถูกน้ำท่วมพัดมากองตามพื้นที่ต่าง ๆ กลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ขยะจำนวนมหาศาลยังคงตกค้าง ส่งกลิ่นเหม็นและเสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อโรค ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาได้ แม้โรงแรม ร้านอาหาร และบริการอื่น ๆ จะกลับมาเปิดให้บริการแล้ว แต่ภาพรวมเมืองยังไม่พร้อมรองรับผู้มาเยือน

เขาระบุว่า สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คือการเร่งเก็บและกำจัดขยะออกจากพื้นที่ชุมชน หากรัฐบาลตั้งกรอบทำความสะอาดให้แล้วเสร็จภายในเจ็ดวัน ก็ต้องทำให้ได้จริง เพราะธุรกิจทุกภาคส่วนต้องอาศัยความชัดเจนเพื่อวางแผนการฟื้นตัวต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินจากสภาพพื้นที่จริง ปริมาณขยะและตะกอนโคลนที่ท่วมเมืองจำนวนมากทำให้ยังไม่มั่นใจว่าการทำความสะอาดจะแล้วเสร็จตามกำหนด ส่งผลให้หาดใหญ่เสี่ยงเสียโอกาสทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ผลกระทบครั้งนี้ยังลามไปถึงกิจกรรมระดับประเทศ อย่างการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ปี 2025 ที่เดิมมีชื่อจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพบางรายการ แต่ต้องย้ายไปจัดที่กรุงเทพฯ แทน เพราะเมืองยังไม่พร้อม เป็นตัวอย่างความเสียหายที่มิใช่เพียงแค่ทรัพย์สิน แต่เป็นภาพลักษณ์และโอกาสทางเศรษฐกิจที่สูญเสียไป

เบื้องต้นสมาคมประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมและผลกระทบต่อการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นเหตุจนถึงเดือนธันวาคมอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท และอาจพุ่งขึ้นแตะ 10,000 ล้านบาท หากการฟื้นฟูไม่แล้วเสร็จภายในต้นปีหน้า ส่วนความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนและกิจการ โดยเฉพาะโรงแรม คาดว่ามีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และยังไม่รวมธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก

ด้านการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ซึ่งปกติถือเป็นคีย์ซีซั่นสร้างรายได้สำคัญให้เมือง ถูกกระทบเต็มแรง ยอดจองห้องพักถูกยกเลิกเกือบทั้งหมดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วงเดียวกันถือว่าเต็มแทบทั้งเมือง บรรยากาศในตัวจังหวัดจึงยังคงเงียบเหงา แม้บางกลุ่มลูกค้ายังไม่ยกเลิกการจองทันที แต่ส่วนใหญ่กำลังรอดูสถานการณ์ และมีแนวโน้มจะยกเลิกเพิ่มเติมเนื่องจากภาพรวมเมืองยังไม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว

นายสิทธิพงษ์ย้ำว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ การเร่งฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาสะอาดและปลอดภัยคือกุญแจสำคัญต่อการฟื้นตัวทั้งระบบ หากยังปล่อยให้ขยะกองสูงตามถนนและชุมชน เมืองย่อมไม่สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ และความเสียหายทางเศรษฐกิจจะยืดเยื้อเกินกว่าที่ควรเป็น พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อหยุดความเสียหายไว้ที่ระดับปัจจุบัน ก่อนที่หาดใหญ่จะสูญเสียโอกาสสำคัญอีกหลายเดือนข้างหน้า

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us