admin 2

pic1

สอท.จับตา "เครดิตสวิส" ห่วงฉุดภาคส่งออกไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถานบัน หรือ กกร. กล่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ถึงกรณีธนาคารสหรัฐล้มละลาย ขณะที่ธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) ประเทศฝรั่งเศส ประสบปัญหาสภาพคล่องราคาหุ้นร่วงหนัก ทำให้เกิดความความหวั่นวิตกเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารทั่วโลก ว่าความกังวลต่อประเด็นดังกล่าว โดยภาพรวมของการเงินและธนาคารจากที่ตรวจสอบภาพรวมระบบการเงินและธนาคารไทยยังแข็งแกร่ง มีความระมัดระวังในการทำธุรกรรม จึงไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อไทย แต่มีผลด้านจิตวิทยาเนื่องจากยังมีธนาคารระดับเล็กและกลางในสหรัฐมีความเสี่ยงจะเกิดปัญหาอีก 10 กว่าแห่ง ต้องติดตามการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะประชุมกลางสัปดาห์นี้

ธนาคารในสหรัฐที่ถูกปิดเป็นธนาคารขนาดกลาง-เล็ก ยังมีผลกระทบน้อย แต่ธนาคารเครดิต สวิส เป็นธนาคารขนาดใหญ่ในยุโรป ต้องติดตามว่าปัญหาของธนาคารนี้จะเป็นตัวต้นตอให้เกิดโดมิโนในธนาคารแถบประเทศเดียวกันหรือไม่ ขณะที่ไทยยังห่างไกล และยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรม จากการประเมินภาคส่งออกไทยลดลงเหลือ 0% ถึงติดลบ 1% ดังนั้น ถ้าผลกระทบยืดเยื้อและส่งผลวงกว้างในหลายภาคส่วนอาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น กำลังซื้อตกลง ส่งผลให้การส่งออกไทยหดตัว แต่เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวไทยคงไม่ได้รับผลกระทบ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 25-28 ล้านคนขึ้นไป ทำให้เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อได้ แต่ต้องติดตามต่อเนื่องเพราะปัญหาเพิ่งเริ่มต้น ปัญหาเหล่านี้ต้องเป็นช่วงติดตามใกล้ชิดระยะ 1-2 เดือน แต่ถ้าเกิดการลุกลามจะต้องมีการเจรจาต่อไป

Cr : มติชน

pic3

แผนรถไฟภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 'กรมราง' ส่งไฮสปีด 2 เส้นทางเสริมทัพ

กรมการขนส่งทางรางถกร่วมสมาคมรถไฟภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMRA) ฝ่ายไทยชูไฮสปีดเทรน 2 เส้นทาง กรุงเทพฯ - หนองคาย และรถไฟความเร็วสูงเชื่อสามสนามบิน เป็นรูทหลักเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และผู้โดยสารระหว่างประเทศ

สมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (The Greater Mekong Railway Association: GMRA) ที่เกิดขึ้นผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศกลุ่ม GMS ได้แก่ ไทย เมียนมา  สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน เพื่อผลักดันการเดินรถไฟระหว่างกลุ่มประเทศ GMS เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งประเทศได้ไทยลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการจัดตั้งสมาคม GMRA เมื่อปี 2557

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นตัวแทนประเทศไทย และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมรถไฟภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 5 พร้อมกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อมต่อทางรถไฟในภูมิภาค และบทบาทสำคัญของการขนส่งทางรางในการส่งเสริมความเชื่อมโยง และอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และผู้คนภายในภูมิภาคอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

นอกจากนี้ ยังฉายภาพความคืบหน้าของโครงการระบบรางที่จะสนับสนุนความร่วมมือของสมาคม GMRA ซึ่งจะส่งเสริมให้การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศ การขนส่งสินค้าสะดวกรวดเร็ว และเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยปัจจุบันฝ่ายไทยอยู่ระหว่างผลักดันการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) 2 เส้นทาง ประกอบด้วย

1) โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาล แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) ระยะทาง 253 กิโลเมตร วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท

2) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กิโลเมตร วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าของไฮสปีดเทรน ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) สถานะปัจจุบันการก่อสร้างงานโยธา แบ่งออกเป็น 14 สัญญา ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 10 สัญญา และยังไม่ลงนาม 3 สัญญา ส่วนสัญญางานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล จัดหาขบวนรถไฟ และจัดฝึกอบรมบุคลากร ลงนามสัญญา เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2563 ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานตามสัญญา มีระยะเวลาในการดำเนินงานจำนวน 64 เดือน

Cr : bangkokbiznews

pic2

จับตา "เวียดนาม" ส่งออกไปจีนพุ่ง! หลังจีนเปิดประเทศ

ทูตพาณิชย์ เวียดนาม เผย ส่งออกเวียดนามได้รับอานิสงค์จากจีนเปิดประเทศ ชี้ ระบบโลจิสติกส์ทั่วประเทศและเชื่อมต่อกับประเทศจีน หนุนภาคส่งออก-นำเข้า จับตากระทบส่งออกสินค้าไทย เหตุต้นทุนเสียเปรียบ ด้านรมว.เกษตรฯเวียดนาม เผย ส่งออกก.พ.ยังจีนเพิ่มขึ้น 33%

ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการเปิดประเทศของจีนเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของจีนจะฟื้นตัวกลับมาและจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกทำให้คลายความกังวลสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในหลายประเทศในยุโรปและสหรัฐที่ชะลอตัวลงจากปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

ประเทศในอาเซียนก็ได้รับผลดีจากการเปิดประเทศของจีน โดยไทยซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของจีนก็ได้รับอานิสงค์ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวซึ่งผลสำรวจพบว่า ไทยเป็นจุดหมายแรกการท่องเที่ยวของจีนทำให้ในช่วงต้นปีมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นคาดว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวกว่า 7-8 ล้านคน ขณะที่การส่งออกของไทยไปจีนหลังจากที่ติดลบมาหลายเดือนก็คาดว่าน่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้งในไตรมาส 2

ไม่เพียงแต่ไทยที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน คู่แข่งของไทยอย่างประเทศเวียดนามก็ได้ประโยชน์เช่นกัน โดยนางสาวธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า หลังจากใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวดเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 3 ปีประเทศจีนก็ได้ผ่อนคลาย และการ เปิดประเทศเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจของเวียดนามในปี2566 และ มีแนวโน้มที่จะสดใสมากขึ้น

"แม้เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังดูซบเซา จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของเวียดนาม ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายกำลังพัฒนาเป็นไป ในทางที่ดีรวมถึงการตั้งใจของทั้งสองฝ่ายในการอำนวยความสะดวกในการส่งเสริมการค้า จะช่วยขับเคลื่อนให้แก่ความสัมพันธ์ ระหว่าง 2 ประเทศมากขึ้น"นางสาวธนียา กล่าว

ในปี2565 การค้าระหว่างเวียดนามและจีนมีมูลค่า 175,500 ล้านดอลลาร์ ด้วยประเทศจีน ประชากรมีจำนวนกว่า 1,410 ล้านคน จีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญสำหรับภาคการเกษตรของเวียดนาม โดยบริโภคผักและผลไม้คิด เป็น 53.7 % ของการส่งออกผักและผลไม้ทั้งหมดของเวียดนาม โดยเฉพาะ จีนเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำรายใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนาม รองจากสหรัฐฯ และญี่ปุ่น

การเปิดประเทศจีนอีกครั้งเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการเวียดนามและประเทศจีน ในความร่วมมือที่ขยายตลาดการส่งออกและนำเข้า และส่งเสริมพัฒนาการค้าทวิภาคีการขนส่งสินค้าระหว่างเวียดนามและจีน โดยเวียดนามมีระบบการขนส่งทางถนนที่ครอบคลุมทุกจังหวัดและเมืองสำคัญทั่วประเทศ และเชื่อมต่อกับประเทศจีน ซึ่งช่วยให้การ นำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างเวียดนามกับจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค่าส่งออกของไทยในการส่งออกไปยังไป ประเทศจีน เนื่องจากการแข่งขันในต้นทุนการขนส่งกับเวียดนามและราคาสินค้าของเวียดนามไปยังจีน

Cr: bangkokbiznews

pic3

“พาณิชย์”ถกลาว ดันเปิดอีก12ด่านส่งผลไม้ไทยไปจีน

“ปลัดพาณิชย์”ถก สปป.ลาว ดันเปิดด่านอีก 12 แห่งช่วยขนส่งผลไม้ไทยไปจีน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายเป็น 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 68 นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ต้อนรับนายมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว และคณะผู้บริหารภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อหารือถึงแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทย ความร่วมมือเพื่อผลักดันการค้าสองฝ่ายให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 360,000 ล้านบาท ในปี 2568 และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติการดำเนินงานด้านการค้าในภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ เช่น การบริหารจัดการราคาสินค้า การบริหารการนำเข้า-ส่งออก การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการส่งเสริมการส่งออก โดยการหารือครั้งนี้ ไทยได้ขอให้ สปป.ลาว เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาเปิดด่านพรมแดนที่ติดกับไทยเพิ่มอีก 12 แห่ง และช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าไทยผ่านแดน สปป.ลาว ไปยังจีน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า โดย สปป.ลาว จะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกต่อไป “ในช่วงที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทยและสปป.ลาว ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองฝ่ายสามารถทำการค้าระหว่างกันได้ตามปกติ เหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้มูลค่าการค้าขยายตัวมากขึ้น และสามารถบรรลุเป้าหมายการค้าที่ตั้งไว้ร่วมกันที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 ได้อย่างแน่นอน” Cr: thansettakij
Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info