News

news-20250117-02

'พาณิชย์' จับตาทรัมป์ 2.0 ป่วน 5 สินค้าส่งออกไทย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ. สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2568 การส่งออกยังคงเป็นเครื่องจักรสำคัญหลักในการผลักดันเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าโลก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการแบ่งขั้วทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ความแปรปรวนของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติ ปริมาณการค้าที่ขยายตัวลดลงจากการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐ และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มผันผวน

สนค. ได้วิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกรายสินค้าด้วยอนุกรมเวลา (Time Series Model) พิจารณาควบคู่กับอัตราการเปลี่ยนแปลงหน่วยย่อยต่อภาพรวม (Contribution to growth) และสถานการณ์ที่จะกระทบต่อการค้าในอนาคตพบว่าในปี 2568 มีสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี 10 อันดับ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและ กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ดังนี้


10 สินค้าส่งออกอุตสาหกรรมดาวรุ่ง ได้แก่

1. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วน

2. อัญมณีและเครื่องประดับ

3. ผลิตภัณฑ์ยาง

4. เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

5. หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ

6. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ

7. เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ โทรทัศน์

8. แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า

9. เคมีภัณฑ์

10. แผงวงจรไฟฟ้า

เนื่องจากมีการฟื้นตัวตามวัฎจักร ความเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยี AI อุปกรณ์อัจฉริยะที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น และความต้องการของภาคการผลิตที่เร่งตัวก่อนการดำเนินมาตรการทางการค้า


นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอุตสาหกรรมของไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการปรับโครงสร้างการผลิตของไทย เช่น Data Center การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เช่น แผ่นเวเฟอร์ (Wafer) หรือแผงวงจรไฟฟ้า (PCB) ยานยนต์ไฟฟ้า

ในปี 2568 ไทยมีกลุ่มสินค้าที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ และโซลาร์เซลล์ ซึ่งไทยและจีนส่งออกไปยังสหรัฐเหมือนกัน และยังเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูง โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมมีมูลค่า 217,233.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 78.8% ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งหมด

ที่มา - khaosod

news-20250117-01

'GDP' จีนโต 5% ตามเป้า แม้เผชิญมรสุมตลอดปี 2024

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2024 อยู่ในเกณฑ์ที่รัฐบาลตั้งไว้ แม้จะถูกรุมเร้าด้วยภัยคุกคามจากกำแพงการค้าของสหรัฐ รวมถึงวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ซบเซาจนฉุดราคาสินค้าดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนประกาศในวันที่ 17 มกราคม 2025 ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ปี 2024 ขยายตัว 5.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) และทั้งปี 2024 ขยายตัวได้ 5% (YOY) ตรงกับประมาณการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีนในสุนทรพจน์ส่งท้ายปีเก่า ซึ่งเขากล่าวว่าเศรษฐกิจปี 2024 เติบโต “ประมาณ 5%”

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวปกปิดร่องรอยบาดแผลที่ฝังลึกของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากสี จิ้นผิง ปรับรื้อระบบโดยหันมาพึ่งพิงการเติบโตจากภาคการผลิตสินค้าขั้นสูง (High-End) แทนการพึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในปัจจุบันความพยายามดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อการเติบโตระยะสั้นอย่างรุนแรง โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีล่าสุดชะลอตัวลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1990 หากไม่นับรวมช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19

แลร์รี่ หู่ (Larry Hu) นักเศรษฐศาสตร์จากแมคควอรี กรุ๊ป (Macquarie Group) กล่าวว่า นับเป็นอีกปีที่ภาคการผลิตและการส่งออกเติบโตอย่างแข็งแรง แต่การบริโภคในประเทศยังคงอ่อนแอ ซึ่งการเติบโตที่สวนทางกันนี้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 ปีที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด

นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าจีนจะพยายามรักษาการเติบโตให้มีระดับใกล้เคียงเดิม ซึ่งนับว่าท้าทายอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางการจีนส่งสัญญาณว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินและใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังมากขึ้น ทั้งนี้ หลายฝ่ายยังเป็นกังวลอย่างมาก ว่ามาตรการเยียวยาต่าง ๆ จะเพียงพอต่อการชดเชยผลกระทบจากกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้หรือไม่

จากผลสำรวจของนิกเคอิ เอเชีย นักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคาดว่าจีนจะเติบโตเพิ่ม 4.4% ในปี 2025 และโตเหลือ 4.1% ในปี 2026 ทั้งนี้ คาดว่าทางการจีนจะประกาศเป้าหมายการเติบโตประจำปีอย่างเป็นทางการในการประชุมครั้งต่อไปเดือนมีนาคม

ที่มา - prachachat

news-20250116-03

'คมนาคม' คาดตรุษจีนนี้ผู้โดยสารเดินทางเข้าไทยพุ่ง 4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.4%

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 24 ม.ค. - 2 ก.พ.2568 รวม 10 วัน คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางกว่า 4 ล้านคน โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นผู้เดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนประมาณ 770,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 22.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ดี ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะการให้บริการ และด้านความปลอดภัย รวมถึงให้นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการอย่างเต็มที่ รวมทั้งได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในท่าอากาศยาน เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้บริการทุกขั้นตอนทุกจุดบริการของกระบวนการผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก

นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ ทอท. บริหารจัดการการดำเนินงานให้เกิดความสมดุลทั้งด้านการบริการให้ผู้มาใช้บริการท่าอากาศยานเกิดความพึงพอใจและประทับใจ และด้านความปลอดภัยของท่าอากาศยาน โดยให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินตามกฎหมายของประเทศ และสอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า จากข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้ ทอท. เตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ครอบคลุมทุกมิติในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2568 ที่จะถึงนี้ ทอท. ได้เตรียมพร้อมการอำนวยความสะดวกและการบริการให้ผู้โดยสารในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ให้ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัยตั้งแต่การใช้เทคโนโลยีในการลดระยะเวลารอคอยในกระบวนการผู้โดยสาร

สำหรับด้านความปลอดภัยของสนามบิน มีการดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยในท่าอากาศยาน และปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยระบบการจัดการด้านนิรภัยของสนามบิน (Safety Management System) โดยในเขตการบิน (Airside) ทางขับทางวิ่ง ท่าอากาศยานของ ได้จัดวงรอบตรวจทางขับทางวิ่งอย่างสม่ำเสมอตามมาตรฐานสากลที่กำหนด

อีกทั้งยังมีการดำเนินงานป้องกันอันตรายที่เกิดจากสัตว์โดยการสำรวจและประเมินอันตรายจากนกและสัตว์อันตรายในเขต Airside ตลอดจนการสำรวจระบบนิเวศทั้งภายในและโดยรอบสนามบินเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการประกันความปลอดภัยให้กับเครื่องบินที่ทำการบิน

ทั้งนี้ เมื่อมีการแจ้งเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น พบนก/สัตว์ และรายงานอากาศยานชนนก/ชนสัตว์ เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบพื้นที่ทันที เพื่อเก็บหลักฐานที่จะปรากฏได้ในบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นจะรายงานตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการตรวจสอบติดตามจาก ICAO มาโดยตลอด

ที่มา - bangkokbiznews

news-20250116-02

จีนเล็งสร้าง' ศูนย์นวัตกรรม-เทคโนโลยี' สำหรับอุปกรณ์ขนส่งทางน้ำ

ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี เดลี รายงานว่า จีนวางแผนสร้างศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับชาติด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ขนส่งทางน้ำในเมืองท่าสำคัญในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของประเทศ โดยโครงการริเริ่มนี้คาดว่าจะส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของอุตสาหกรรมอุปกรณ์ขนส่งทางน้ำ เพื่อกระตุ้นการพัฒนาภาคการขนส่งของประเทศ

รัฐบาลเทศบาลเมืองหนิงโปและคณะกรรมการบริหารเขตพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งชาติหนิงโป ได้ลงนามความร่วมมือกับสมาคมจำแนกประเภทเรือแห่งประเทศจีน (CCS) เพื่อร่วมกันจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ผสานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้งานเข้าด้วยกัน

ตัวแทนสมาคม CCS กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายส่งเสริมการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมอุปกรณ์ขั้นสูง เสริมสร้างความยืดหยุ่นและความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานอุปกรณ์ขนส่งทางน้ำในจีน รวมถึงให้การสนับสนุนทางเทคนิคสำหรับการพัฒนาเมืองหนิงโปให้เป็นศูนย์กลางทางทะเล และส่งเสริมการเติบโตที่มีคุณภาพสูงของภาคการผลิต

ข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า ทั้งสามฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมการวิจัยเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน การนำความสำเร็จด้านการวิจัยไปประยุกต์ใช้ และการพัฒนาบุคลากรระดับสูงในภาคอุตสาหกรรมอุปกรณ์ขนส่งทางน้ำ

ความร่วมมือนี้จะตอบสนองความต้องการด้านนวัตกรรมในการสำรวจขั้วโลกใต้ทะเลลึก การขนส่งอัจฉริยะ การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรือเทคโนโลยีขั้นสูง อุปกรณ์วิศวกรรมทางทะเล และวัสดุใหม่สำหรับการใช้งานทางทะเล นอกจากนั้น จะมีการสร้างแพลตฟอร์มทดสอบและตรวจสอบที่ครอบคลุมสำหรับอุปกรณ์ขนส่งทางน้ำภายใต้ข้อตกลงอีกด้วย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สมาคม CCS ซึ่งดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคมของจีน เป็นผู้กำหนดข้อกำหนดและมาตรฐานทางเทคนิคชั้นนำระดับนานาชาติสำหรับเรือ สิ่งอำนวยความสะดวกนอกชายฝั่ง ตู้คอนเทนเนอร์ และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการตรวจสอบอิสระในฐานะบุคคลที่สาม

ที่มา - ryt9

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us