admin L2D

ไทยจับมือ "DP World" ดันสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์โลก - เปิดประตูสู่ตะวันออกกลางและแอฟริกา

นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย นำคณะผู้แทนไทยเข้าพบหารือกับ Ms. Ebtesam Al Kaabi รองประธานบริษัท DP World ยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ระดับโลก ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีหน่วยงานรัฐไทยร่วมด้วยอย่างครบทีม ทั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ผู้อำนวยการ ทูตพาณิชย์ DITP และ BOI เพื่อกระชับความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างไทยและยูเออี โดยเฉพาะการใช้โครงข่ายท่าเรือและศูนย์กระจายสินค้าของ DP World เป็นช่องทางหลักในการเชื่อมต่อสินค้าจากไทยสู่ตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา

นางนลินีระบุว่า การพบครั้งนี้เป็นส่วนต่อเนื่องจากการที่ DP World ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในการประชุม WEF เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยอาศัยจุดแข็งจากตำแหน่งที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และระบบขนส่งหลายรูปแบบ ซึ่งตอบโจทย์การลงทุนและเชื่อมโยงการค้าระดับภูมิภาค

ในโอกาสเดียวกัน ฝ่ายบริหารของ DP World ยังได้เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งดำเนินธุรกิจในกว่า 75 ประเทศทั่วโลก บริหารท่าเรือกว่า 80 แห่ง และมีขีดความสามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์มากถึง 100 ล้าน TEU ต่อปี หรือกว่า 10% ของปริมาณทั่วโลก โดยล่าสุดยังได้เดินหน้าโครงการพัฒนา “storage warehouse” สำหรับสินค้าผักและผลไม้สดในเขต Al Aweer เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าสดจากดูไบสู่ตลาดโลก ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญของผลไม้ไทยในตลาดตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ นางนลินียังแสดงความชื่นชมต่อบทบาทของ DP World ในโครงการ World Logistics Passport (WLP) ที่มีเป้าหมายลดต้นทุนโลจิสติกส์และยกระดับการขนส่งระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมเปิดเผยถึงความสนใจของ DP World ที่ต้องการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ “Landbridge” ของไทย โดยเฉพาะในด้านท่าเรือน้ำลึกและระบบขนส่งแบบครบวงจร เพื่อขยายโอกาสเชื่อมต่อการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก

ทั้งนี้ มูลค่าการค้าไทย-ดูไบในปี 2567 อยู่ที่ราว 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ท่าเรือ Jebel Ali ของดูไบในปีเดียวกัน ได้รองรับตู้คอนเทนเนอร์จากไทยกว่า 75,000 TEUs เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึง 6% สะท้อนถึงทิศทางความร่วมมือที่แข็งแกร่ง และโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจร่วมกันในอนาคต

news-20250711-01

Logistics SPU ลุยภาคสนาม! นักศึกษาเรียนรู้จริงกับ V-Serve Academy เสริมทักษะสู่มืออาชีพ

นักศึกษาวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้ร่วมกิจกรรมฝึกปฏิบัติงานจริง ณ คลังสินค้าบางนา ภายใต้การดูแลของศูนย์พัฒนาทักษะบุคลากรขนส่งและแพ็คกิ้ง โดยสถาบันวิชาการ วี-เซิร์ฟ (V-Serve Academy) เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และทักษะด้านโลจิสติกส์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในสายงานอาชีพ

การฝึกในครั้งนี้เน้นรูปแบบ "ลงมือทำจริง" ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้การจัดการคลังสินค้า การใช้งานเครื่องมือ Material Handling การบริหารจัดการระบบคลังสินค้า (WMS) การทดลองแพ็คกิ้งตามมาตรฐานส่งออก และการอบรมด้านความปลอดภัยในพื้นที่คลังสินค้า รวมถึงการจำลองสถานการณ์ขนส่ง เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนการทำงานในสถานการณ์จริง

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการศึกษาที่เน้นการปฏิบัติจริงของวิทยาลัยโลจิสติกส์ฯ ม.ศรีปทุม ซึ่งมุ่งสร้างบัณฑิตให้มีทักษะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในภาคโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ผ่านการจับมือกับพันธมิตรในภาคธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

การจับมือกับ V-Serve Academy ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงภาคการศึกษากับภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ให้นักศึกษาได้เตรียมพร้อมเข้าสู่โลกแห่งการทำงานด้วยความมั่นใจและเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

มหาวิทยาลัยศรีปทุมขอขอบคุณสถาบันวิชาการ วี-เซิร์ฟ สำหรับความร่วมมือที่มีคุณค่านี้ ที่ร่วมกันเสริมสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับนักโลจิสติกส์รุ่นใหม่ในการเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในยุคดิจิทัล

ที่มา - spu.ac.th

news-20250709-01

"Airseas" เปิดตัวระบบ “ว่าวยักษ์ลากเรือ” ใช้พลังลมลดน้ำมัน - ลดมลพิษในการขนส่งทางทะเล

บริษัท Airseas ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่อย่าง Airbus จากประเทศฝรั่งเศส ได้พัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “Seawing System” หรือระบบ “ว่าวยักษ์ลากเรือ” ที่สามารถช่วยขับเคลื่อนเรือบรรทุกสินค้าด้วยพลังงานลม ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบว่าวขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ถึง 1,000 ตารางเมตรนี้ ทำหน้าที่เหมือน “ปีกพาราฟอยล์” ที่ลอยเหนือผิวน้ำทะเลสูงถึง 200 เมตร โดยสามารถควบคุมการทำงานได้ผ่านระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบจากสะพานเดินเรือ กดปุ่มเพียงครั้งเดียว ว่าวจะกางตัวเพื่อดึงเรือ และพับเก็บได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานมาก ลูกเรือที่ควบคุมระบบนี้จำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมเบื้องต้นเท่านั้น ก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยี Seawing ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การขับเคลื่อนด้วยลมเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทั้งข้อมูลสภาพอากาศและสภาพมหาสมุทร เพื่อปรับแต่งการใช้งานให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางทะเลอย่างปลอดภัยสูงสุด โดยบริษัท Airseas ระบุว่า ระบบนี้สามารถช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงของเรือได้ตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 40% ขึ้นอยู่กับเส้นทางและสภาพลม

แรงผลักดันเบื้องหลังนวัตกรรมนี้คือความตระหนักถึงผลกระทบของการขนส่งทางทะเลที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยภาคการขนส่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 3% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก ดังนั้นการนำพลังงานสะอาดมาใช้จึงถือเป็นทางออกสำคัญที่ Airseas พยายามผลักดันเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืน

เรือเชิงพาณิชย์ลำแรกที่ได้ติดตั้งระบบ Seawing แล้ว คือ Ville de Bordeaux ซึ่งเป็นเรือที่ใช้ขนส่งเครื่องบิน Airbus A380 โดยมีระวางขับน้ำถึง 21,528 ตัน และได้มีการทดสอบระบบว่าวนี้ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสะอาดสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้จริง และอาจเป็นต้นแบบให้กับเรือขนส่งในอนาคตทั่วโลก

ที่มาข้อมูลและภาพ - https://news.afp.com/#/c/main/search/videos?id=newsml.afp.com.20250624T123644Z.doc-62292ke&type=video&search=H4sIAAAAAAAAA1M1d1I1MirOLyrxL0pJLQKyVY0dgWRKanEyiGPkDJJOTSxKzghJTIJLl2WmpOYXwxVkp1aW5xelFEPlwWaWJeaUpsI1ZObl5ZcllmTm5yF05STmpcMVpOaBmOYuQAQAdlnSX5QAAAA%3D%20https://www.tnnthailand.com/tech/137125/%20https://thenextweb.com/news/can-airseas-make-cargo-ships-more-sustainable%20https://edition.cnn.com/2023/06/30/travel/airseas-giant-kites-ships-slash-carbon-emissions-scn-climate-spc

กรมขนส่งฯ วอนรถบรรทุกหลีกเลี่ยงขนส่งช่วงหยุดยาว 10-13 ก.ค. หวังลดอุบัติเหตุ-คลี่คลายจราจร

กรมการขนส่งทางบกออกประกาศขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าให้หลีกเลี่ยงการใช้รถบรรทุกในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา เพื่อช่วยลดความแออัดบนท้องถนนและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงที่มักเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลเดินทาง

นายชีพ น้อมเศียร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ช่วงเวลาดังกล่าวคาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ปริมาณจราจรหนาแน่นเป็นพิเศษ และมีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าช่วงเวลาปกติ จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการงดการวิ่งรถบรรทุก ทั้งรถบรรทุกสินค้าหนักและรถเปล่า พร้อมหลีกเลี่ยงการจอดบนไหล่ทางเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร

ในกรณีที่จำเป็นต้องเดินรถในช่วงวันหยุดยาว ให้ใช้เฉพาะช่องทางซ้ายสุดเท่านั้น พร้อมทั้งขอให้ผู้ประกอบการตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะและความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมถึงกำชับพนักงานขับรถให้ปฏิบัติตามกฎจราจรเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนทุกคน

กรมการขนส่งทางบกยังได้ขอความร่วมมือจากสมาคมและองค์กรภาคการขนส่งกว่า 28 แห่งทั่วประเทศ อาทิ สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย สมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบัง และสมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาต เพื่อร่วมกันขานรับนโยบายลดความเสี่ยงบนท้องถนนในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ประชาชนที่พบปัญหาหรือมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าโดยรถบรรทุก สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านสายด่วนกรมการขนส่งทางบก หมายเลข 1584 เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างยั่งยืน

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us