News

news-20250701-03

BOI ไฟเขียวลงทุนครั้งใหญ่! "Data Center - ขนส่งอากาศ" 2.8 หมื่นล้านบาท พร้อมหนุน "Local Content" ดันไทยสู่ศูนย์กลางดิจิทัล-โลจิสติกส์

คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนสองโครงการยักษ์ใหญ่ในภาคบริการ คือ กิจการ Data Center และ กิจการขนส่งทางอากาศ รวมมูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การอนุมัติครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ยังรวมถึงการผลักดัน "มาตรการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content)" โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจภายในประเทศ

ภายใต้มาตรการใหม่นี้ โครงการผลิต BEV ที่ใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 40%, PHEV ที่ใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 45% และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่า 15% ของมูลค่าวัตถุดิบทั้งหมด และได้รับการรับรองสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand: MiT) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะได้รับสิทธิพิเศษจาก BOI

นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอยังได้ปรับปรุงประเภทกิจการบางประเภท โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเบาและกิจการที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ให้มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาสมดุลในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ และที่สำคัญคือมีการเห็นชอบให้จัดตั้ง "ทีมตรวจสอบพิเศษ" ซึ่งจะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขของผู้ได้รับการส่งเสริมอย่างเข้มข้น เพื่อลดความเสี่ยงที่ไทยจะถูกมาตรการทางการค้าจากต่างประเทศในอนาคต

ที่มา - thansettakij

news-20250701-02

พาณิชย์เร่งเครื่อง! ปักธง 'EFTA' เจาะตลาดยุโรป หวังดันส่งออกไทยพุ่งครึ่งปีหลัง

กระทรวงพาณิชย์ กำลังเดินหน้ายุทธศาสตร์การค้าเสรี (FTA) ครั้งสำคัญ โดยเล็งเป้าหมายไปยังตลาดกลุ่มประเทศยุโรป หวังกระตุ้นยอดส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังความตกลง EFTA (European Free Trade Association) ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ยุโรปฉบับแรกของไทย กำลังอยู่ในขั้นตอนการให้สัตยาบัน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยมี FTA ที่มีผลบังคับใช้แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศทั่วโลก และยังเจรจาเสร็จสิ้นอีก 3 ฉบับกับศรีลังกา ภูฏาน และ EFTA โดยเฉพาะ EFTA ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับความร่วมมือทางการค้าและขยายตลาดส่งออกของไทยไปสู่ทวีปยุโรป

EFTA ก้าวสำคัญสู่การค้าที่ยั่งยืนกับยุโรป

สำหรับการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (EU) นั้น นายพิชัยเน้นย้ำว่าเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญสูงสุดของรัฐบาลและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาคเอกชน ความตกลง FTA ฉบับนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับยุโรป ทั้งในด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งจะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจ

ส่งออก EU สัญญาณดี แม้เศรษฐกิจโลกผันผวน

แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะมีความไม่แน่นอน แต่ตัวเลขการค้ากับ EU ยังคงแสดงสัญญาณที่ดี โดยในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2568 EU เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้ารวม 18,092.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.57%

ที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยส่งออกไปยัง EU มีมูลค่าสูงถึง 10,696.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.86% ขณะที่นำเข้าจาก EU มีมูลค่า 7,395.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 9.40% ส่งผลให้ไทยได้เปรียบดุลการค้ากับ EU สูงถึง 3,301.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การผลักดัน FTA กับ EFTA และ EU ถือเป็นความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการกระจายความเสี่ยงและหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ที่มา - mitihoon

news-20250701-01

DHL Express สร้างประวัติศาสตร์! สั่งซื้อ "เครื่องบินไฟฟ้า Alice" 12 ลำ จาก Eviation บุกเบิกขนส่งสินค้ารักษ์โลกครั้งแรกของโลก

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส (DHL Express) ผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ ร่วมกับ Eviation ผู้ผลิตเครื่องบินไฟฟ้าระดับโลก ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญในอุตสาหกรรมการบิน ด้วยการประกาศว่า DHL จะเป็นลูกค้ารายแรกที่สั่งซื้อ เครื่องบินไฟฟ้า Alice จำนวน 12 ลำ จาก Eviation โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในการสร้างเครือข่ายการขนส่งด่วนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เครื่องบินไฟฟ้า Alice ของ Eviation ถือเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งลำ ซึ่งจะช่วยให้สายการบินขนส่งสินค้าและผู้โดยสารสามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ทาง Eviation คาดว่าจะสามารถส่งมอบเครื่องบิน Alice ให้กับ DHL Express ได้ในปี 2024 นี้

มุ่งมั่นสู่โลจิสติกส์ปลอดคาร์บอน

จอห์น เพียร์สัน ซีอีโอของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในอนาคตของโลจิสติกส์ที่ปลอดก๊าซเรือนกระจก โดยระบุว่า การลงทุนในครั้งนี้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทในการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการนำไฟฟ้ามาใช้ในทุกโหมดการขนส่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ DHL Express ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมการบินมานานหลายทศวรรษ รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Eviation ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน การร่วมมือครั้งนี้จะนำพาสู่ยุคใหม่ของการบินที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ประสิทธิภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ Alice

เครื่องบินไฟฟ้า Alice ออกแบบมาให้ขับเคลื่อนโดยนักบินเพียงคนเดียว สามารถบรรทุกสินค้าได้ 1,200 กิโลกรัม (2,600 ปอนด์) ใช้เวลาชาร์จพลังงานเพียง 30 นาที หรือน้อยกว่าสำหรับการบินหนึ่งชั่วโมง และมีระยะบินไกลสุด 815 กิโลเมตร (440 ไมล์ทะเล) เครื่องบิน Alice จะเข้ามาแทนที่เครื่องบินลูกสูบและใบพัดที่ใช้เชื้อเพลิงในปัจจุบัน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทันสมัย มีชิ้นส่วนถอดได้น้อย ทำให้มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดค่าบำรุงรักษา นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยตรวจจับประสิทธิภาพการบิน เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องบินจะทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ

โอเมอร์ บาร์-โยเฮ ซีอีโอของ Eviation กล่าวว่า การร่วมมือกับ DHL ซึ่งเป็นผู้นำด้านการขนส่งสินค้าอย่างยั่งยืน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ายุคสมัยของพลังงานไฟฟ้าในอุตสาหกรรมการบินได้มาถึงแล้ว การประกาศความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของการบินโลก

เครื่องบินไฟฟ้า Alice ไม่เพียงเหมาะสำหรับการลำเลียงสิ่งของ แต่ยังใช้เงินลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีน้อยกว่า และสามารถชาร์จไฟฟ้าขณะแวะโหลดหรือนำสินค้าลงได้ ซึ่งจะช่วยให้การส่งมอบสินค้าตามตารางเวลาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตามมาตรฐานของ DHL Express

ทราวิส ค็อบบ์ ผู้บริหารระดับสูงด้าน Global Network Operations and Aviation ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เสริมว่า ระยะการบินและพื้นที่บรรจุสินค้าของ Alice ทำให้เป็นโซลูชั่นที่ยั่งยืนและตอบโจทย์เครือข่ายระดับโลกของ DHL ซึ่งการพัฒนาด้านการบินและเทคโนโลยีเหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไป เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้ได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต นับเป็นย่างก้าวสำคัญสำหรับทั้ง DHL ลูกค้า และอุตสาหกรรมการบินโดยรวม เพื่อการเดินทางที่ปราศจากคาร์บอน

วิสัยทัศน์สู่ความยั่งยืนของ DPDHL Group

การลดคาร์บอนในการปฏิบัติงานเป็นหนึ่งในเสาหลักของแผนงานด้านความยั่งยืนฉบับใหม่ที่ DPDHL Group (บริษัทแม่ของ DHL) ประกาศใช้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2021 โดยภายในปี 2030 กลุ่มบริษัทจะลงทุนรวม 7 พันล้านยูโร (ทั้งในรูปแบบของเงินทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเฉพาะการลงทุนในระบบพลังงานไฟฟ้าสำหรับการขนส่งในระยะสุดท้าย (last-mile delivery), เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน และการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ในปี 2050 ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสี่ปีแล้ว DPDHL Group ยังคงมุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ตามความตกลงปารีส และเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร Science Based Targets initiative (SBTi)

DHL คือผู้นำระดับโลกด้านบริการโลจิสติกส์ ด้วยบุคลากรกว่า 400,000 คนใน 220 ประเทศ ให้บริการขนส่งที่หลากหลายและเชื่อถือได้ ส่วน Eviation เป็นบริษัทพัฒนาและผลิตเครื่องบินไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่มุ่งเน้นนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน เพื่อเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการการบินด้วยการสร้างเครื่องบิน Alice ที่ใช้ไฟฟ้าทั้งลำ

ที่มา marketingoops

news-20250618-01

แก้ปัญหารถติดแหลมฉบัง! "คมนาคม" แท็กทีมเอกชน ผุดแผนเร่งด่วน ลดเวลารอรถบรรทุกเหลือไม่กี่ชั่วโมง

กระทรวงคมนาคม กำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณ ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) อย่างเร่งด่วน หลังพบว่ารถบรรทุกต้องใช้เวลารอคอยเฉลี่ยสูงถึง 10-20 ชั่วโมงต่อเที่ยวงาน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและสุขภาพของพนักงานขับรถ

นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งจะเน้นทั้งมาตรการระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และวางรากฐานการบริหารจัดการในระยะยาว

แผนแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและระยะยาว

  • จัดระเบียบพื้นที่และบริหารการจราจร: จัดสรรลานจอดรถบรรทุกเพิ่มเติม 70 ไร่ และ 22 ไร่ เพื่อลดการจอดซ้อนคันบนถนนสาธารณะ พร้อมเพิ่มห้องสุขาเคลื่อนที่ 12 จุด อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่
  • ผ่อนคลายความแออัด: ประสานกรมศุลกากรขออนุญาตนำตู้สินค้าขาเข้าไปพักนอกเขตท่าเรือเป็นการชั่วคราว พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
  • ใช้ระบบ Truck Queue เต็มรูปแบบ: นำระบบจัดการคิวรถบรรทุก 100% เพื่อความเป็นธรรม ลดความแออัดบริเวณหน้าทางเข้า และจัดเตรียมพื้นที่นอกเขตรั้วศุลกากรสำหรับรองรับรถที่รอคิว นอกจากนี้ ยังจะพัฒนาแอปพลิเคชัน (Dash board) บนโทรศัพท์มือถือ และติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามสถานการณ์จราจร
  • เชื่อมโยงฐานข้อมูล: พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างท่าเรือ สายการเดินเรือ ผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ใช้บริการ ให้ทำงานบนฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้กระบวนการเคลียร์สินค้าและตู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • มาตรการระยะกลางและระยะยาว: ส่งเสริมการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์เพื่อกระจายปริมาณรถตามรอบเวลา และศึกษาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แนวคิดการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟหรืออุโมงค์ รวมถึงพัฒนาสู่การเป็น Smart Port ด้วยระบบอัตโนมัติเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายสรวุฒิ ย้ำว่า กระทรวงคมนาคมและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อคืนความเชื่อมั่นในระบบโลจิสติกส์ของไทย และบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการและพนักงานขับรถบรรทุกในพื้นที่ให้เร็วที่สุด

ที่มา thaipbs

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us