สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกของไทยในเดือนเมษายน 2568 กลับมาฟื้นตัวเล็กน้อยที่ 0.3% โดยมีแรงหนุนสำคัญจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ประกอบการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน ดัชนีราคานำเข้าลดลง 1% จากราคาเชื้อเพลิงที่ลดลงเป็นหลัก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค. และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ อธิบายว่า ดัชนีราคาส่งออกที่กลับมาฟื้นตัวเป็นผลมาจากการขยายตัวของ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 1.6% โดยเฉพาะ ทองคำ ที่ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ก็เพิ่มขึ้นตามความต้องการรองรับ AI และการเร่งนำเข้าก่อนการประกาศภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ รวมถึง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ที่ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกัน หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรก็เพิ่มขึ้น 1.4% โดยมี อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นดาวเด่นจากความนิยมเลี้ยงสัตว์ทั่วโลก และความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง ตามมาด้วย อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องดื่ม และ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ที่ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการบริโภคอาหารพร้อมรับประทานที่เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวลดลง ได้แก่ หมวดแร่และเชื้อเพลิง ลดลง 17.4% โดยเฉพาะ น้ำมันสำเร็จรูป ที่ลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลก และ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลง 3.3% ซึ่งได้รับผลกระทบจาก ข้าว เนื่องจากอุปทานโลกยังคงสูงและการแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง ขณะที่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ก็ลดลงจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น และความต้องการจากตลาดหลักอย่างจีนมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากมันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านมีราคาถูกกว่า
สำหรับ ดัชนีราคานำเข้าที่ลดลง นั้น ส่วนใหญ่มาจาก หมวดสินค้าเชื้อเพลิงที่ลดลง 14.3% โดยเฉพาะ ราคาน้ำมันดิบ ที่เป็นผลจากอุปทานส่วนเกินและความต้องการที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม หมวดสินค้าอุปโภคบริโภคกลับเพิ่มขึ้น 8.0% สะท้อนถึงความต้องการใช้ภายในประเทศและการขยายตัวของการท่องเที่ยว ขณะที่ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 4.6% โดยเฉพาะ ทองคำ ที่ราคาสูงขึ้นจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า และ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในประเทศและส่งออก
หมวดสินค้าทุนเพิ่มขึ้น 4.1% แสดงให้เห็นถึงการลงทุนใน เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้า และ เครื่องจักรกล เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่วน หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มสินค้าสำคัญ เช่น ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ที่ความต้องการเพิ่มขึ้นเพื่อการผลิตและประกอบรถยนต์ และ รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ที่ราคาลดลงจากการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นและการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลก
นายพูนพงษ์ คาดการณ์ว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกและนำเข้าในเดือนพฤษภาคม 2568 จะขยายตัวชะลอลงอีก เนื่องจากฐานราคาในปี 2567 ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในระดับต่ำกว่าปีนี้ นอกจากนี้ การเร่งนำเข้าสินค้าไทยจากประเทศคู่ค้าก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้เต็มรูปแบบจะทำให้มีความต้องการสินค้าในระยะสั้นเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มที่อาจลดลงจากอุปทานส่วนเกิน การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น และความผันผวนของค่าเงินบาท