กทท. ปิดงบปี 2568 กำไรพุ่ง 7,096 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพโลจิสติกส์ไทยฟื้นแรงตามการค้าโลก
การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ประกาศผลการดำเนินงานปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 7,096 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแกร่งของระบบท่าเรือไทยในช่วงที่การค้าโลกกลับมาขยายตัวต่อเนื่อง ปริมาณเรือเทียบท่า สินค้าผ่านพื้นที่ท่าเรือ และตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นทุกด้าน เป็นแรงหนุนสำคัญต่อรายได้และศักยภาพการแข่งขันของโลจิสติกส์ไทย
ข้อมูลทั้งปีแสดงให้เห็นว่า กทท. รองรับเรือเทียบท่ารวม 15,113 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.61 ปริมาณสินค้าผ่านท่ารวม 125.07 ล้านตัน เติบโต 5.46% ขณะที่ปริมาณตู้สินค้าทะลุ 11.43 ล้าน TEU ขยายตัวสูงถึง 6.44% ตัวเลขทั้งหมดสะท้อนความต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านท่าเรือที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั้งในภาคการส่งออก–นำเข้าและการขนส่งสินค้าในภูมิภาค
หัวใจสำคัญของการเติบโตยังอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งดำรงบทบาทพอร์ตหลักของประเทศอย่างต่อเนื่อง ปริมาณเรือเทียบท่าเพิ่มขึ้น 3.50% ปริมาณสินค้าเพิ่ม 6.60% และจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ขยายตัวถึง 7.28% ตอกย้ำบทบาทศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมส่งออกของไทย ส่วนท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) แม้ปริมาณสินค้ารวมจะปรับลดเล็กน้อย แต่ปริมาณตู้สินค้ายังขยายตัว สะท้อนความต้องการขนส่งสินค้ามูลค่าเพิ่มและสินค้าเฉพาะทางในเขตเมืองที่ยังแข็งแรง
ขณะเดียวกัน ท่าเรือภูมิภาคเริ่มมีบทบาทเด่นมากขึ้น โดยท่าเรือระนองและท่าเรือเชียงแสนเป็นพอร์ตที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นที่สุดในปีนี้ การขยายตัวของการค้าชายแดน การเชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์ในอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมถึงบทบาทของไทยในเครือข่ายการค้า BIMSTEC ช่วยผลักดันให้ท่าเรือภูมิภาคกลายเป็นโอกาสใหม่สำหรับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ คลังสินค้า และนิคมอุตสาหกรรม อีกทั้งช่วยกระจายปริมาณงานจากพอร์ตหลัก ลดความแออัด และเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบขนส่งของประเทศ
กทท. เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง โดยมีโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นโครงการสำคัญควบคู่กับการจัดการจราจรรอบท่าเรือ ยกระดับประสิทธิภาพการขนส่ง และผลักดันแนวทางโลจิสติกส์สีเขียว เพื่อลดต้นทุนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ภาคธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น
ในภาพรวม ผลประกอบการปี 2568 ของ กทท. สะท้อนอย่างชัดเจนว่าโครงสร้างท่าเรือไทยยังคงเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าในช่วงที่โครงสร้างซัพพลายเชนโลกกำลังเปลี่ยนผ่าน ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมต่อ และเมกะโปรเจ็กต์ท่าเรือ จะเป็นตัวกำหนดขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว





