News Update

L2D Page (95)

เปิดสถิตินำเข้า-ส่งออกสินค้าไทย กับสหรัฐฯ - จีน 2568 (ม.ค. - ก.ย.)

สถิติการค้าไทย–สหรัฐฯ และไทย–จีน ปี 2568 (มกราคม–กันยายน)
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยข้อมูลล่าสุดระบุว่า สหรัฐอเมริกาและจีนยังคงเป็นประเทศคู่ค้าหลักอันดับที่ 1 และ 2 ของไทย โดยมีรายละเอียดการค้าระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน ปี 2568 ดังนี้

ในส่วนของสหรัฐอเมริกา มูลค่าการค้าในปี 2567 อยู่ที่ 2,616,078 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 1,928,024 ล้านบาท และการนำเข้า 688,054 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ 1,239,969 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 2,248,852 ล้านบาท การส่งออกอยู่ที่ 1,722,234 ล้านบาท และการนำเข้า 526,618 ล้านบาท ไทยเกินดุลการค้า 1,195,615 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และการส่งออกเติบโต 19.03%

สำหรับประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย มูลค่าการค้าในปี 2567 อยู่ที่ 4,100,366 ล้านบาท การส่งออกมีมูลค่า 1,240,593 ล้านบาท และการนำเข้า 2,859,773 ล้านบาท ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 1,619,180 ล้านบาท ส่วนในปี 2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 3,618,784 ล้านบาท การส่งออกคิดเป็น 1,013,081 ล้านบาท ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ 2,605,702 ล้านบาท ไทยขาดดุลการค้า 1,592,621 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 18.66% จากปีก่อน และการส่งออกขยายตัว 7.41%

นอกจากนี้ ประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นของไทยในปี 2568 ได้แก่ ญี่ปุ่นซึ่งมีมูลค่าการค้ารวม 584,790 ล้านบาท ตามด้วยอินเดียที่ 395,038 ล้านบาท และมาเลเซียที่ 329,782 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญต่อภาพรวมการค้าไทยในภูมิภาคและระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

L2D Page (94)

เปิดโมเดลยกเครื่องประเทศไทย สู้วิกฤติเศรษฐกิจโลก-ภูมิรัฐศาสตร์

โมเดลใหม่ประเทศไทย : ทางออกท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวนและความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์
สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดสัมมนาสาธารณะประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Reimagining Thailand’s Development Model : ก้าวข้ามโลกเก่า ด้วยโมเดลใหม่ในการพัฒนาประเทศ” เพื่อนำเสนอทิศทางใหม่ที่ประเทศควรเลือกเดิน ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ และโครงสร้างภายในประเทศที่กำลังถดถอยต่อเนื่องยาวนาน

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒน์ฯ เปิดเวทีด้วยการชี้ให้เห็นว่า หากไทยต้องการปรับโฉมสู่โมเดลพัฒนาใหม่ ปัญหาที่ต้องเริ่มแก้คือ “อำนาจรัฐที่ล้นเกิน” โดยเฉพาะการใช้ดุลพินิจ ซึ่งเป็นต้นทางของความล่าช้า การเอื้อประโยชน์ และอุปสรรคต่อการแข่งขัน แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยาก เพราะไม่มีผู้มีอำนาจคนใดอยากลดบทบาทของตนเองลง แต่ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญของการยกระดับระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ

เขายังกล่าวถึงบริบทภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังพลิกผันอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ความตึงเครียดไทย–กัมพูชา ไปจนถึงแรงกระเพื่อมจากสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเชื่อมโยงประเด็นการค้าเข้ากับอิทธิพลเชิงยุทธศาสตร์โดยตรง รัฐบาลไทยจึงต้องเตรียม “เครื่องมือรับมือใหม่” ที่รอบด้านและทันสถานการณ์มากขึ้น

ในเชิงเศรษฐกิจ ดร.ศุภวุฒิเน้นว่ารัฐควรทุ่มทรัพยากรเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด หรือการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติคล้าย GIC ของสิงคโปร์ เพื่อสะสมผลประโยชน์ระยะยาว เขายังเตือนถึงโครงสร้างประชากรที่กำลังเปลี่ยนอย่างรุนแรง เมื่อแรงงานจะหายไปถึง 5 ล้านคน ภายในเวลาไม่นาน ในขณะที่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอีก 7 ล้านคน จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ไทยต้องอัปสกิลแรงงานและกำหนดอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะพลังงานสะอาดและบริการคุณภาพ ที่ต่อยอดจุดแข็งเดิม “เมืองไทยปลอดภัย อาหารอร่อย สุขภาพดี”

ด้านการต่างประเทศ นายพิศาล มาณวพัฒน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐฯ สะท้อนภาพชัดเจนว่าไทยกำลังเผชิญ “การถดถอยคู่ขนาน” ทั้งเศรษฐกิจและการทูต ตัวชี้วัดหลายด้านถอยหลังตลอด 10–15 ปี ขณะที่ภาพลักษณ์การทูตที่เคยโดดเด่นของไทยในภูมิภาคก็จางหายไปทีละน้อย แม้บทบาทในอาเซียนยังเป็นสิ่งที่ไทยรักษาไว้ได้ แต่ความแข็งแกร่งในเวทีโลกโดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาย้ำว่าไทยต้องมีนโยบายต่างประเทศที่สง่างามและยืนบนผลประโยชน์ของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ชายแดน ปัญหาสิทธิภาษีการค้า และแนวโน้มสหรัฐที่มองเศรษฐกิจควบคู่ความมั่นคงกำลังกลายเป็นความท้าทายใหม่ของไทย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า ประเทศในอาเซียนกำลังเผชิญปัญหาร่วมกัน ตั้งแต่การผูกขาดของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ไปจนถึงการแข่งขันลดภาษีที่ทำให้ทุกประเทศเสียประโยชน์ ไทยจึงควรคิดนโยบายในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะการผลักดันพลังงานสะอาดและโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน รวมทั้งการกำกับธุรกิจเทคโนโลยีต่างชาติให้สร้างประโยชน์จริงแก่สังคมไทย พร้อมกับการยกระดับภาคเกษตร อาหาร ท่องเที่ยว และสุขภาพ ให้เชื่อมเทคโนโลยีและตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เขาย้ำว่า บทบาทของรัฐต้องเปลี่ยนจาก “ผู้ควบคุม” สู่ “ผู้ร่วมพัฒนา” ผ่านการเปิดข้อมูล การสร้างระบบ E-ID ที่น่าเชื่อถือ และตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล

บทสรุปส่งท้ายจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ชี้ให้เห็นโครงสร้างปัญหาที่ฝังลึกที่สุดของไทย: ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ยืดเยื้อกว่า 20 ปี นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนถี่ เฉลี่ยอยู่ในตำแหน่งเพียงปีกว่า นโยบายจึงไม่ต่อเนื่องจนไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานได้เลย เขามองว่าทางออกต้องเริ่มจากการปฏิรูปการเมืองและแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดรัฐบาลที่มีความชอบธรรม ทีมบริหารที่มีประสิทธิภาพ และมีเวลามากพอจะขับเคลื่อนประเทศในระยะยาว

L2D Page (93)

สิงคโปร์ส่งออกไม่รวมน้ำมันเดือนต.ค.พุ่ง 22.2% ส่งออกไปไทยพุ่งกว่า 90%

องค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) รายงานว่า ยอดส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมัน (NODX) ของประเทศเติบโตอย่างโดดเด่นในเดือนตุลาคม โดยขยายตัวถึง 22.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 7.5% และเร่งตัวขึ้นจากการขยายตัว 7% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

การพุ่งขึ้นของ NODX เดือนตุลาคมได้รับแรงหนุนสำคัญจากการส่งออกทองคำที่ไม่รวมเงินทุนสำรอง ซึ่งทะยานสูงถึง 176.8% นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังมีบทบาทสำคัญ โดยการส่งออกวงจรรวมเพิ่มขึ้น 40.9% และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลปรับตัวขึ้นถึง 77.7% สะท้อนความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่ยังคงแข็งแกร่งในภูมิภาค

ตลาดหลักหลายแห่งของสิงคโปร์มียอดนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะไทย ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งล้วนเติบโตในระดับสูง ตัวเลข NODX ไปไต้หวันขยายตัว 61.5% ต่อจากการเพิ่มขึ้น 31.9% ในเดือนกันยายน ขณะที่การส่งออกไปไทยพุ่งขึ้นถึง 91.1% และไปฮ่องกงเพิ่มขึ้น 66.6% อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกากลับมีการนำเข้าสินค้าจากสิงคโปร์ชะลอตัวลงในเดือนเดียวกัน

ในภาพรวม ยอด NODX ของสิงคโปร์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 4.1% สะท้อนการฟื้นตัวที่ค่อยเป็นค่อยไปของภาคการส่งออก ขณะที่ตัวเลขการค้าโดยรวมในเดือนตุลาคมเติบโต 23.2% เมื่อเทียบรายปี เร่งตัวขึ้นจากระดับ 14.6% ในเดือนกันยายน แสดงให้เห็นถึงความคึกคักของการค้าในภูมิภาคและความสามารถในการแข่งขันของสิงคโปร์ในตลาดโลก

L2D-Page-92

พาณิชย์ เร่งปิดดีล FTA ไทย-เกาหลีใต้ ดันความร่วมมือเศรษฐกิจปูทาง ลงทุนเทคโนโลยีอนาคต

กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจไทย–เกาหลีใต้ครั้งใหญ่ โดยนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับนายปาร์ค ยงมิน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องเดินหน้าการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม หรือ CEPA ไทย–เกาหลีใต้ ให้คืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับความร่วมมือจากกรอบ FTA เดิมไปสู่สถานะ “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน” ในอนาคต

รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า CEPA จะช่วยขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมโลกที่ซับซ้อนและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ไทยและเกาหลีใต้ต้องการผลลัพธ์แบบ “วิน–วิน” ที่เสริมความสามารถแข่งขันร่วมกันในห่วงโซ่การผลิตใหม่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเศรษฐกิจอนาคต

การหารือยังรวมถึงการเชิญชวนกลุ่มทุนชั้นนำจากเกาหลีใต้ให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเน้นอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พลังงานสะอาด ดิจิทัล และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของภูมิภาคและมีบทบาทในห่วงโซ่การผลิตระดับโลกของเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีบริษัทเกาหลีใต้กว่า 400 แห่งดำเนินธุรกิจในไทย เช่น ฮุนได และ COSMAX ซึ่งต่างร้องขอให้รัฐบาลไทยสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นางศุภจีย้ำว่า รัฐบาลไทยกำลังเร่งปรับปรุงกฎระเบียบให้โปร่งใสและเอื้อต่อการลงทุน พร้อมยืนยันความตั้งใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเกาหลีใต้ด้วยดี

ด้านการค้า เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับที่ 13 ของไทยในปี 2567 มูลค่าการค้ารวม 15,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 5,957 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 9,343 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 11,685 ล้านดอลลาร์ ส่งออก 4,435 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 7,250 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย อลูมิเนียม แผงวงจรไฟฟ้า และน้ำมันสำเร็จรูป ส่วนสินค้านำเข้าหลักจากเกาหลีใต้ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เหล็กและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล และเครื่องจักรไฟฟ้า

การหารือครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการเร่งรัดความตกลง CEPA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเกาหลีใต้ ดึงดูดเงินทุนจากผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก และเสริมศักยภาพเศรษฐกิจไทยในยุคการแข่งขันเข้มข้นของเอเชียตะวันออก

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us