News Update

news-20250530-01

พลิกโฉมการค้าไทย-จีน! "ท่าเรือชินโจว" ประตูใหม่สู่ตลาดแดนมังกรตะวันตก ดันอาเซียนเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจ ILSTC

ท่าเรือชินโจว กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าแห่งใหม่ที่สำคัญสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของ ระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกกับทางทะเลสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor – ILSTC) ที่จะเปิดประตูสู่ตลาดจีนตะวันตกและจีนกลางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ย้อนกลับไปในอดีต ดร.ซุน ยัตเซ็น เคยเล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่ชายฝั่งเมืองซินโจวและใฝ่ฝันที่จะสร้างท่าเรือการค้าขนาดใหญ่ และวันนี้ความฝันนั้นได้กลายเป็นจริงแล้ว ด้วยการพัฒนา "ท่าเรือชินโจว" ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ให้เป็นท่าเรือหลักในอ่าวเป่ยปู้ ซึ่งเป็นอ่าวที่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด ทำให้เป็นเส้นทางขนส่งทางเรือที่รวดเร็วที่สุดไปยังจีน

นายชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิสโมสรมิตรภาพวัฒนธรรมสากล ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของท่าเรือชินโจวว่า เป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการเจาะตลาดในมณฑลทางภาคตะวันตกและภาคกลางของจีน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน ระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย และนโยบายส่งเสริมการลงทุนพิเศษ ทั้งในเขตทดลองการค้าเสรีจีน (กว่างซี) พื้นที่ย่อยท่าเรือชินโจว และเขตท่าเรือสินค้าทัณฑ์บนชินโจว ทำให้พื้นที่นี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจการผลิตและการแปรรูปสินค้าที่ต้องการเจาะตลาดภายในประเทศจีน หรือส่งออกไปยังประเทศที่สามผ่านเครือข่ายการขนส่งของระเบียงการค้า ILSTC ซึ่งรวมถึงการขนส่งทางเรือและทางรถไฟ (China-Europe Railway Express)

จากอดีตเมืองท่าประมง วันนี้เมืองซินโจวกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นเป้าหมายที่น่าจับตาของนักลงทุน โดยเฉพาะจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และยิ่งไปกว่านั้น ตลาดผลไม้ของอาเซียนอย่างทุเรียนก็กำลังได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากท่าเรือแห่งนี้

ท่าเรือชินโจวไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางขนส่งใหม่ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอาเซียน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลในการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนในภูมิภาคนี้

news-20250529-03

'จีน-เวียดนาม' เปิดมิติใหม่ขนส่งทางถนน สินค้าวิ่งตรงถึงฮานอย ลดเวลา-ลดทุน ดันค้าขายข้ามพรมแดนสุดคึกคัก

จีนและเวียดนาม ได้ฤกษ์เปิดศักราชใหม่แห่งการขนส่งสินค้าทางถนนข้ามพรมแดนอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ด้วยการเปิดเส้นทางขนส่งจากเมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซีจ้วง และนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน มุ่งตรงสู่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นับเป็นครั้งแรกที่รถบรรทุกสินค้าของจีนสามารถเข้าสู่ใจกลางเวียดนามได้โดยตรงภายใต้กรอบความตกลง CBTA (ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดนสำหรับสินค้าและบุคคลในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง) ซึ่งจะช่วยยกระดับความสะดวกและประสิทธิภาพของการขนส่งระหว่างสองประเทศอย่างเห็นได้ชัด

ขบวนรถขนส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผักสด และสินค้าทั่วไป ที่ออกเดินทางพร้อมกันจากสองเมืองใหญ่ของจีน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเส้นทางขนส่งสองสายที่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ เส้นทางแรกจาก หนานหนิง ผ่านด่านโหย่วอี้กวน เข้าสู่เวียดนามที่ด่านหูหงิ มุ่งหน้าสู่ฮานอยในระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร สามารถถึงที่หมายได้ภายในวันเดียว ส่วนเส้นทางที่สองจาก คุนหมิง ผ่านด่านเหอโข่ว เข้าสู่เวียดนามที่ด่านลาวไก สู่ฮานอยในระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 วัน

ความพิเศษของการขนส่งในครั้งนี้คือการใช้โมเดล “ตู้เดียวกันตลอดทาง” และ “รถคันเดียวกันตลอดทาง” ซึ่งช่วยให้การขนส่งเป็นแบบ “ประตูถึงประตู” และ “จุดถึงจุด” ลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ เปลี่ยนรถ หรือเปลี่ยนภาชนะขนส่งที่ด่านศุลกากรแบบเดิมๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ลดเวลาการขนส่งลงประมาณ 1 วัน และ ประหยัดต้นทุนเฉลี่ย 800-1,000 หยวนต่อคัน ทำให้สามารถขนส่งสินค้าแบบ “ออกวันนี้ ถึงวันรุ่งขึ้น” ได้จริง

ตลอดเส้นทาง ผู้แทนจากหน่วยงานขนส่ง ศุลกากร และตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศได้ร่วมเดินทางเพื่อตรวจสอบสภาพถนน โครงสร้างพื้นฐาน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดเส้นทางครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

บริษัท Sinotrans ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดหาสินค้าและผู้ให้บริการขนส่งเต็มรูปแบบ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของเวียดนามและกรมขนส่งกว่างซี เพื่อให้มั่นใจว่าการขนส่งเป็นไปตามมาตรฐานการขนส่ง GMS และเอกสาร CBTA พร้อมทั้งมีการวางแผนเส้นทางข้ามประเทศล่วงหน้า จัดเตรียมรถและสินค้า และใช้ระบบควบคุมอัจฉริยะ รวมถึงระบบระบุตำแหน่งดาวเทียม Beidou เพื่อติดตามการขนส่งแบบเรียลไทม์

ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวก ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผ่านด่าน แต่ยังเป็นการสร้างเส้นทางโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งเชื่อมโยงจีนกับอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

news-20250529-02

“คมนาคม” ดันแอปฯ “SAWASEEE by AOT” สู้ศึกแพลตฟอร์มเอกชน เตรียมเปิดใช้ในสนามบิน หลังโชเฟอร์แท็กซี่โอดโดนแย่งลูกค้

กระทรวงคมนาคม กำลังเร่งผลักดันแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ของภาครัฐอย่าง "SAWASEEE by AOT" เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้โดยสารในสนามบิน และหวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ต้องเผชิญจากการแข่งขันกับแพลตฟอร์มเอกชน โดยคาดว่าจะเปิดใช้งานจริงในเร็ว ๆ นี้

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกับสมาคมผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เพื่อหาแนวทางสร้างความเป็นธรรม โดยมีประเด็นหลักที่ถูกยกขึ้นมาพิจารณาคือ การตั้งจุดให้บริการในสนามบิน ซึ่ง กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้ชี้แจงว่าจะมีการจัดสรรพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ของสนามบินสุวรรณภูมิ ให้ชัดเจนเพื่อแบ่งโซนสำหรับแท็กซี่สาธารณะและรถแอปพลิเคชัน เพื่อป้องกันปัญหาการทับซ้อนและสร้างความเท่าเทียมในการให้บริการ

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ ทอท. เพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลจุดพักรถแท็กซี่และปรับปรุงป้ายประชาสัมพันธ์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และจะประสานสายการบินให้ช่วยประชาสัมพันธ์บริการแท็กซี่สาธารณะให้ชัดเจน เพื่อเพิ่มโอกาสให้แท็กซี่มิเตอร์ได้รับงานอย่างเท่าเทียม

หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหานี้คือการเปิดตัวแอปพลิเคชัน "SAWASEEE by AOT" ซึ่งเป็นระบบกลางที่ช่วยให้แท็กซี่มิเตอร์สามารถรับงานได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม มีระบบจองคิวและจุดจอดเฉพาะ นับเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ขับขี่แท็กซี่ที่ต้องการเข้าถึงผู้โดยสารโดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มของเอกชน โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลองใช้งานที่สนามบิน ก่อนจะเปิดให้บริการจริงในไม่ช้า

นายสุรพงษ์ ย้ำว่า กระทรวงคมนาคมยึดหลักความเป็นธรรมและกฎหมาย เพื่อให้ทุกฝ่ายมีสิทธิเข้าถึงโอกาสอย่างเสมอภาค โดยได้มอบหมายให้ ขบ. และ ทอท. ร่วมกันทบทวนกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อสร้างระบบบริการขนส่งที่เป็นธรรมในระยะยาว

ด้าน น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เผยว่า ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิมีแท็กซี่มิเตอร์ให้บริการเฉลี่ยวันละ 6,000 เที่ยว ขณะที่แท็กซี่จากแอปพลิเคชันมีประมาณ 5,000 เที่ยว และรถส่วนบุคคลในระบบแอปพลิเคชันอีกราว 4,000 เที่ยวต่อวัน ทั้งนี้ ทอท. พร้อมปรับปรุงพื้นที่จอดแท็กซี่ให้ทันสมัย มีป้ายไฟชัดเจน รวมถึงจัดสร้างห้องน้ำสำหรับผู้ขับขี่ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของบริการแท็กซี่มิเตอร์ในสนามบินให้เป็นระบบยิ่งขึ้น

news-20250529-01

"คมนาคม" จัดหนัก! ลดค่าบริการสนามบิน 50% ดึง "ไทยไลอ้อนแอร์" เปิดบิน "อู่ตะเภา-อุดรฯ" 11 มิ.ย.นี้

กระทรวงคมนาคมเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองครั้งใหญ่ ด้วยมาตรการ "New Route - New Airline" ที่จะช่วยลดค่าบริการสนามบินลงถึง 50% เพื่อจูงใจให้สายการบินเปิดเส้นทางบินใหม่ โดยสายการบินไทยไลอ้อนแอร์จะเป็นรายแรกที่ตอบรับมาตรการนี้ เตรียมเปิดเส้นทางบินตรง อู่ตะเภา – อุดรธานี ในวันที่ 11 มิถุนายน 2568 นี้

มาตรการส่งเสริมนี้ริเริ่มโดย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับเมืองน่าเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล และสอดคล้องกับนโยบาย "คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย" ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้ออกมาตรการดังกล่าวเพื่อสร้างแรงจูงใจให้สายการบินเปิดเส้นทางบินสู่ท่าอากาศยานภูมิภาคในสังกัด ทย. ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง ส่งเสริมการแข่งขันด้านราคาและคุณภาพบริการ และลดการผูกขาดในเส้นทางที่มีผู้ให้บริการเพียงรายเดียว นอกจากนี้ การมีสายการบินใหม่เข้ามาให้บริการยังเป็นการส่งสัญญาณว่าจังหวัดนั้นมีความพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น

ด้าน นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า มาตรการนี้จะลดค่าบริการขึ้น-ลงของอากาศยานและค่าบริการที่เก็บอากาศยานลง 50% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับ เส้นทางบินใหม่ (New Route) ที่ไม่เคยทำการบินมาก่อน หรือหยุดบินไปนานกว่า 1 ปี และลดค่าบริการ 50% เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับ สายการบินใหม่ (New Airline) ที่ไม่เคยให้บริการมายังท่าอากาศยานนั้น หรือหยุดให้บริการไปนานกว่า 1 ปี

สำหรับ ไทยไลอ้อนแอร์ ที่จะเปิดเส้นทางบินไป-กลับ อู่ตะเภา - อุดรธานี สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน จะได้รับส่วนลดค่าบริการ 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเป็นเส้นทางบินใหม่ ส่วนเส้นทาง ดอนเมือง - นครพนม ที่จะเริ่มให้บริการในวันที่ 19 มิถุนายน 2568 สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน จะได้รับส่วนลด 50% เป็นเวลา 3 เดือน เนื่องจากเข้าข่ายเป็นสายการบินใหม่ที่ให้บริการในเส้นทางนี้

สายการบินที่สนใจรับสิทธิ์ตามมาตรการนี้สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือมายังกรมท่าอากาศยานเพื่อพิจารณาอนุมัติได้ต่อไป

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us