News Update

L2D Page (41)

บราซิลทุบสถิติส่งออกถั่วเหลือง คาดทั้งปีแตะ 110 ล้านตัน จีนยังเป็นตลาดหลัก

สมาคมผู้ส่งออกธัญพืชของบราซิล (Anec) เปิดเผยว่า บราซิลมีแนวโน้มสร้างสถิติใหม่ด้านการส่งออกถั่วเหลืองในปี 2025 โดยคาดว่ายอดรวมทั้งปีจะสูงถึง 110 ล้านตัน หลังจากภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้สามารถส่งออกได้แล้วกว่า 102.2 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าสถิติเดิมที่ทำไว้ในปี 2023 ที่ 101.3 ล้านตัน ส่งผลให้บราซิลตอกย้ำสถานะการเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลก

ปีนี้บราซิลเก็บเกี่ยวผลผลิตถั่วเหลืองได้มากกว่า 170 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยสำคัญที่หนุนการส่งออกคือความต้องการนำเข้าที่แข็งแกร่งจากจีน ซึ่งยังอยู่ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐอเมริกา ทำให้จีนหันมาพึ่งพาถั่วเหลืองจากบราซิลมากขึ้น โดยข้อมูลของ Anec ระบุว่า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีนได้นำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิลถึง 6.5 ล้านตัน หรือคิดเป็น 93% ของยอดส่งออกทั้งหมดในเดือนนั้น

ในช่วงปี 2021–2024 สัดส่วนการนำเข้าของจีนเฉลี่ยอยู่ที่ราว 74–76% ของการส่งออกถั่วเหลืองทั้งหมดของบราซิล แต่ในปี 2025 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 80% สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาแหล่งนำเข้าจากบราซิลที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงานเดือนตุลาคมของ Anec ยังคาดการณ์ว่า การส่งออกถั่วเหลืองของบราซิลในเดือนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 7.12 ล้านตัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบ 2.7 ล้านตัน และเมื่อรวมกับการส่งออกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมที่คาดว่าจะมีเพิ่มอีกราว 8 ล้านตัน ปริมาณรวมทั้งปีจึงมีแนวโน้มแตะระดับ 110 ล้านตันตามเป้าหมาย

นอกจากถั่วเหลืองแล้ว การส่งออกข้าวโพดของบราซิลก็ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเดือนตุลาคมมีปริมาณส่งออกถึง 6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 380,000 ตัน ส่งผลให้ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนตุลาคมอยู่ที่ราว 30 ล้านตัน ดันให้บราซิลขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา

L2D Page (40)

ลาวเปิดเส้นทางนำเข้าเชื้อเพลิงใหม่ผ่านท่าเรืองเซิน เสริมความมั่นคงพลังงานและเศรษฐกิจภูมิภาค

บริษัทน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งชาติลาวได้เปิดเส้นทางนำเข้าเชื้อเพลิงสายใหม่ผ่านท่าเรืองเซินของเวียดนาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดหาเชื้อเพลิงและเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เส้นทางใหม่นี้เชื่อมต่อจากท่าเรือในเขตเศรษฐกิจพิเศษจีเขิน จังหวัดทัญสว่า ของเวียดนาม มายังประเทศลาว โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองระหว่างประเทศป่าดังในแขวงเชียงขวาง และด่านตรวจระหว่างประเทศน้ำโสยในแขวงหัวพันตอนเหนือ

เชื้อเพลิงที่นำเข้าผ่านเส้นทางดังกล่าวจะถูกจัดเก็บไว้ที่คลังน้ำทองในแขวงหัวพัน ซึ่งจะช่วยให้การจัดส่งเชื้อเพลิงไปยังพื้นที่ตอนเหนือของลาวมีความต่อเนื่องและมั่นคงมากขึ้น โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลลาวในการรับประกันการจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมในภูมิภาค

นอกจากนี้ เส้นทางใหม่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างลาวและเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม

ปัจจุบัน ลาวยังคงพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากไทย เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์เป็นหลัก โดยเส้นทางใหม่นี้จะช่วยกระจายแหล่งนำเข้าและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเส้นทางเดิมเพียงไม่กี่เส้นทาง

L2D Page (39)

กรมทางหลวงเตรียมเปิดทดลองใช้มอเตอร์เวย์ M81 “ครบ 8 ด่าน” ตลอดสาย ระหว่างวันที่ 10–14 ตุลาคมนี้ ฟรีค่าผ่านทาง

กรมทางหลวงประกาศความพร้อมเปิดทดลองให้บริการ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 (มอเตอร์เวย์ M81) สายบางใหญ่–กาญจนบุรี ตลอดเส้นทางระยะทางกว่า 96 กิโลเมตร โดยเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรีโดยไม่เก็บค่าผ่านทาง ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2568 เวลา 15.00 น. ไปจนถึงวันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันนวมินทรมหาราช

การเปิดทดลองใช้งานในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคม ภายใต้การกำกับดูแลของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งยกระดับโครงข่ายคมนาคมของประเทศให้มีความสะดวก ปลอดภัย และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยมอเตอร์เวย์ M81 ถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคตะวันตก เชื่อมต่อพื้นที่เศรษฐกิจ ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัด นนทบุรี นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางสู่ภาคใต้ โดยช่วยบรรเทาการจราจรหนาแน่นบนถนนกาญจนาภิเษกและถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในปัจจุบัน

โครงการมอเตอร์เวย์ M81 ยังนับเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า ลดระยะเวลาเดินทาง และส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของภาคธุรกิจในภูมิภาคตะวันตก รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการเชื่อมโยงพื้นที่อุตสาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน

สำหรับการเปิดทดลองให้บริการในครั้งนี้ กรมทางหลวงระบุว่า เนื่องจากมอเตอร์เวย์ M81 ยังอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบควบคุมและอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงเปิดให้ทดลองใช้งานเฉพาะ รถยนต์ 4 ล้อ เท่านั้น โดยจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้ขับขี่ศึกษาข้อมูลเส้นทาง ตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน และปฏิบัติตามกฎจราจร ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

การเปิดให้ทดลองใช้มอเตอร์เวย์ M81 ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของกรมทางหลวงในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดใช้งานจริงในอนาคต โดยคาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในช่วงวันหยุดยาว เพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่รวดเร็ว ปลอดภัย และมีมาตรฐานระดับสากล

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ M81 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586 หรือ มอเตอร์เวย์ Call Center โทร. 1586 กด 7 และ มอเตอร์เวย์ M81 Call Center โทร. 092-280-8181 รวมถึงติดตามข่าวสารและประกาศสำคัญต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.motorway.go.th

L2D Page (38)

เกาหลีใต้นำเข้าเมล็ดกาแฟพุ่ง 31% ใน 8 เดือนแรกปี 2568 คาดทั้งปีทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์

สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ (Korea Customs Service: KCS) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–สิงหาคม) ปริมาณการนำเข้าเมล็ดกาแฟของเกาหลีใต้ทั้งชนิดดิบและคั่วรวมอยู่ที่ 136,318 ตัน เพิ่มขึ้นราว 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ปริมาณจะขยายตัวเพียงเล็กน้อย แต่ในด้านมูลค่ากลับพุ่งสูงถึง 1.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นถึง 31% สะท้อนถึงการปรับตัวขึ้นของราคากาแฟในตลาดโลกและความต้องการบริโภคกาแฟระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นในประเทศ

ข้อมูลของ KCS ระบุว่า มูลค่าการนำเข้าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 แทบจะเท่ากับตัวเลขนำเข้าตลอดทั้งปี 2567 แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 1.24 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 94% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มการเติบโตยังคงดำเนินต่อไปในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่ามูลค่าการนำเข้ากาแฟของเกาหลีใต้ในปี 2568 จะทำ สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time high) ทะลุระดับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2565

ในปี 2567 ที่ผ่านมา เกาหลีใต้นำเข้าเมล็ดกาแฟรวม 194,809 ตัน เพิ่มขึ้น 5.7% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 1.24 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2566 โดยมีแหล่งนำเข้าหลักคือ บราซิล ซึ่งครองสัดส่วนสูงสุดประมาณ 30% ของปริมาณทั้งหมด ตามมาด้วย โคลอมเบีย และ เวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย

นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมกาแฟเกาหลีใต้ให้ความเห็นว่า การนำเข้ากาแฟที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคเกาหลีใต้ โดยกาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มหลักในชีวิตประจำวัน จากเดิมที่นิยมดื่มเฉพาะกาแฟสำเร็จรูป ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาบริโภคกาแฟสดและกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) มากขึ้น ทั้งในรูปแบบของร้านกาแฟอิสระ คาเฟ่พรีเมียม และเครื่องชงกาแฟภายในบ้าน

ข้อมูลจากสมาคมกาแฟเกาหลี (KCA) ระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความนิยมในการบริโภคกาแฟต่อหัวของคนเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉลี่ยชาวเกาหลีดื่มกาแฟมากกว่า 350 ถ้วยต่อปี ต่อคน ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นหนึ่งในตลาดบริโภคกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย รองจากญี่ปุ่น และยังเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

นอกจากนี้ การขยายตัวของร้านกาแฟแบรนด์ท้องถิ่นและต่างประเทศ เช่น Starbucks, A Twosome Place, Ediya Coffee และCompose Coffee รวมถึงการเติบโตของธุรกิจ กาแฟพรีเมียมและกาแฟเพื่อสุขภาพ ที่เน้นการใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากแหล่งผลิตเฉพาะถิ่น (Single Origin) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้การนำเข้าเมล็ดกาแฟของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ในด้านราคาตลาดโลก ราคากาแฟอาราบิกาและโรบัสตาที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2568 เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในบราซิลและเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ได้ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ปริมาณนำเข้าจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม

เกาหลีใต้เริ่มเห็นการขยายตัวของตลาดกาแฟตั้งแต่ปี 2561 โดยมูลค่าการนำเข้าขยายตัวต่อเนื่องจากราว 900 ล้านดอลลาร์ ในปี 2561 สู่ระดับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุด ก่อนจะชะลอตัวเล็กน้อยในปี 2566 เนื่องจากราคากาแฟในตลาดโลกผันผวนและการปรับฐานของการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในปี 2568 บ่งชี้ว่าอุปสงค์กำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

นักเศรษฐศาสตร์ด้านการค้าของ KCS มองว่า ปัจจัยหนุนสำคัญคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ การท่องเที่ยวที่คึกคักขึ้นหลังโควิด-19 และการขยายตัวของวัฒนธรรมคาเฟ่ในเมืองใหญ่ เช่น โซล ปูซาน และแทกู ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจกาแฟโดยตรง

ด้วยแนวโน้มเช่นนี้ เกาหลีใต้มีแนวโน้มจะทำสถิติใหม่ในการนำเข้าเมล็ดกาแฟทั้งในด้านปริมาณและมูลค่าในปี 2568 และตอกย้ำบทบาทของประเทศในฐานะหนึ่งใน ตลาดกาแฟที่มีพลวัตและมีอิทธิพลมากที่สุดของเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดพรีเมียมที่มุ่งเน้นคุณภาพและแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟอย่างยั่งยืน

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us