News

L2D Page (93)

สิงคโปร์ส่งออกไม่รวมน้ำมันเดือนต.ค.พุ่ง 22.2% ส่งออกไปไทยพุ่งกว่า 90%

องค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) รายงานว่า ยอดส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมัน (NODX) ของประเทศเติบโตอย่างโดดเด่นในเดือนตุลาคม โดยขยายตัวถึง 22.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 7.5% และเร่งตัวขึ้นจากการขยายตัว 7% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

การพุ่งขึ้นของ NODX เดือนตุลาคมได้รับแรงหนุนสำคัญจากการส่งออกทองคำที่ไม่รวมเงินทุนสำรอง ซึ่งทะยานสูงถึง 176.8% นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังมีบทบาทสำคัญ โดยการส่งออกวงจรรวมเพิ่มขึ้น 40.9% และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลปรับตัวขึ้นถึง 77.7% สะท้อนความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่ยังคงแข็งแกร่งในภูมิภาค

ตลาดหลักหลายแห่งของสิงคโปร์มียอดนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะไทย ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งล้วนเติบโตในระดับสูง ตัวเลข NODX ไปไต้หวันขยายตัว 61.5% ต่อจากการเพิ่มขึ้น 31.9% ในเดือนกันยายน ขณะที่การส่งออกไปไทยพุ่งขึ้นถึง 91.1% และไปฮ่องกงเพิ่มขึ้น 66.6% อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกากลับมีการนำเข้าสินค้าจากสิงคโปร์ชะลอตัวลงในเดือนเดียวกัน

ในภาพรวม ยอด NODX ของสิงคโปร์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 4.1% สะท้อนการฟื้นตัวที่ค่อยเป็นค่อยไปของภาคการส่งออก ขณะที่ตัวเลขการค้าโดยรวมในเดือนตุลาคมเติบโต 23.2% เมื่อเทียบรายปี เร่งตัวขึ้นจากระดับ 14.6% ในเดือนกันยายน แสดงให้เห็นถึงความคึกคักของการค้าในภูมิภาคและความสามารถในการแข่งขันของสิงคโปร์ในตลาดโลก

L2D-Page-92

พาณิชย์ เร่งปิดดีล FTA ไทย-เกาหลีใต้ ดันความร่วมมือเศรษฐกิจปูทาง ลงทุนเทคโนโลยีอนาคต

กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจไทย–เกาหลีใต้ครั้งใหญ่ โดยนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับนายปาร์ค ยงมิน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องเดินหน้าการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม หรือ CEPA ไทย–เกาหลีใต้ ให้คืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับความร่วมมือจากกรอบ FTA เดิมไปสู่สถานะ “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน” ในอนาคต

รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า CEPA จะช่วยขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมโลกที่ซับซ้อนและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ไทยและเกาหลีใต้ต้องการผลลัพธ์แบบ “วิน–วิน” ที่เสริมความสามารถแข่งขันร่วมกันในห่วงโซ่การผลิตใหม่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเศรษฐกิจอนาคต

การหารือยังรวมถึงการเชิญชวนกลุ่มทุนชั้นนำจากเกาหลีใต้ให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเน้นอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พลังงานสะอาด ดิจิทัล และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของภูมิภาคและมีบทบาทในห่วงโซ่การผลิตระดับโลกของเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีบริษัทเกาหลีใต้กว่า 400 แห่งดำเนินธุรกิจในไทย เช่น ฮุนได และ COSMAX ซึ่งต่างร้องขอให้รัฐบาลไทยสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นางศุภจีย้ำว่า รัฐบาลไทยกำลังเร่งปรับปรุงกฎระเบียบให้โปร่งใสและเอื้อต่อการลงทุน พร้อมยืนยันความตั้งใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเกาหลีใต้ด้วยดี

ด้านการค้า เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับที่ 13 ของไทยในปี 2567 มูลค่าการค้ารวม 15,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 5,957 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 9,343 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 11,685 ล้านดอลลาร์ ส่งออก 4,435 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 7,250 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย อลูมิเนียม แผงวงจรไฟฟ้า และน้ำมันสำเร็จรูป ส่วนสินค้านำเข้าหลักจากเกาหลีใต้ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เหล็กและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล และเครื่องจักรไฟฟ้า

การหารือครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการเร่งรัดความตกลง CEPA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเกาหลีใต้ ดึงดูดเงินทุนจากผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก และเสริมศักยภาพเศรษฐกิจไทยในยุคการแข่งขันเข้มข้นของเอเชียตะวันออก

L2D-Page-91

ซาอุดิอาระเบียปรับลงทุน AI-โลจิสติกส์เพิ่ม เงินเดือนแรงงานต่างชาติกระทบ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า บริษัทเอกชนในซาอุดีอาระเบียเริ่มปรับลด “ส่วนเพิ่มเงินเดือน” ที่เคยมอบให้แรงงานต่างชาติระดับผู้เชี่ยวชาญในสายงานก่อสร้างและการผลิต หลังรัฐบาลปรับลดการใช้จ่ายและจัดลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจใหม่ ข้อมูลจากบริษัทสรรหาแรงงานหลายแห่งระบุว่าแนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางปฏิรูปเศรษฐกิจตามแผน Vision 2030 ที่ต้องการลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมัน พร้อมเร่งสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ เหมืองแร่ และบริการทางการเงิน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียลงทุนอย่างมหาศาลในโครงการเมกะโปรเจกต์ จนทำให้ความต้องการแรงงานทักษะสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหลายโครงการเริ่มประสบปัญหาความล่าช้า บริษัทต่าง ๆ จึงหันมาปรับลดข้อเสนอเงินเดือนที่เคยสูงมากในช่วงก่อนหน้า ผู้สรรหาบางรายระบุว่าแรงงานต่างชาติไม่ควรคาดหวังส่วนเพิ่มเงินเดือนระดับ 40% อีกต่อไป เพราะทิศทางการลงทุนกำลังหันไปสู่สาขาอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโลจิสติกส์มากขึ้น

ทิศทางนี้ยังเชื่อมโยงกับการปรับแผนของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย (PIF) มูลค่ากว่า 925,000 ล้านดอลลาร์ ที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเดิม เช่น AI โลจิสติกส์ และเหมืองแร่ แทนการทุ่มงบไปที่โครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ตัวอย่างโครงการที่มีบทบาทสูง ได้แก่ นีออม (NEOM) เมืองอนาคตมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ และโครงการภูเขาโทรเจนา ซึ่งเตรียมเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน Asian Winter Games ในปี 2029

ในอดีต นักบริหารโครงการจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สามารถได้รับค่าตอบแทนสูงกว่างานเดิมหลายหมื่นดอลลาร์ แต่เมื่อโครงการภายใต้ PIF หลายแห่งเริ่มเจอความล่าช้า และการมอบสัญญาใหม่ลดลงเกือบครึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 (ตามข้อมูลของ Kamco Invest) ทำให้ตลาดแรงงานเปลี่ยนไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงยังทำให้รัฐบาลซาอุฯ เผชิญแรงกดดันด้านงบประมาณมากขึ้น แม้จะพยายามลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคา IMF ประเมินว่าราคาน้ำมันที่เหมาะสมต่อดุลการคลังซาอุดีอาระเบียควรแตะเกือบ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการแข่งขันกับ UAE ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวของภูมิภาค พร้อมความได้เปรียบด้านค่าตอบแทนปลอดภาษี ระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่มีมาตรฐานสูง และวิถีชีวิตที่เสรีกว่าจนดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก รายงานของ Tuscan Middle East ระบุว่าบริษัทในซาอุดีอาจจำเป็นต้องนำงบประมาณที่จำกัดไปใช้กับตำแหน่งงานดาวรุ่งด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ค่าตอบแทนสำหรับงานสายดั้งเดิมลดลงตามไปด้วย ปัจจุบันค่าจ้างเฉลี่ยในซาอุดีอาระเบียและ UAE แตกต่างกันเพียง 5–8% จึงยิ่งยากที่จะดึงบุคลากรคุณภาพสูงออกจากดูไบ

อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับแรงงานจากยุโรป เอเชีย และประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตช้ากว่า เนื่องจากคาดว่าซาอุดีฯ จะเติบโต 4.4% ในปีนี้ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังเดินหน้าปฏิรูปตลาดแรงงานเพื่อเพิ่มสัดส่วนแรงงานท้องถิ่นในภาคเอกชน ส่งผลให้จำนวนผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก อัตราว่างงานของพลเมืองลดลงในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และจำนวนแรงงานชาวซาอุฯ ในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 31% ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงไตรมาสสองของปีนี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสรรหาในดูไบให้ความเห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ในซาอุดีอาระเบียเริ่มออกแบบแพ็กเกจค่าตอบแทนอย่างรอบคอบขึ้น โดยพิจารณาจากผลงานจริงและมาตรฐานตลาดมากกว่าการเสนอเงินเดือนที่สูงเพื่อแย่งตัวบุคลากรเหมือนในอดีต นี่สะท้อนถึง “ความเป็นผู้ใหญ่” ของตลาดแรงงานที่กำลังปรับเข้าสู่ความสมดุล หากซาอุฯ ต้องการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับสูงต่อไป บริษัทจำเป็นต้องจัดเสนอแพ็กเกจที่มั่นคง ครอบคลุมค่าครองชีพ มีคุณภาพชีวิตที่เหมาะสม และต้องมีความชัดเจนในการดำเนินโครงการใหญ่ระดับประเทศด้วย

L2D-Page-90

ธนาคารโลกชู 5 โอกาสเศรษฐกิจใหม่ เปิดรับ “คนร่วมคิด” กำหนดอนาคตไทยผ่านกิจกรรม Foresight

ในเดือนตุลาคมปี 2569 ประเทศไทยกำลังจะก้าวขึ้นสู่เวทีโลกในฐานะเจ้าภาพการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) งานระดับนานาชาตินี้ไม่ได้เป็นเพียงเวทีเจรจานโยบายการเงินระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็น “จังหวะสำคัญ” ที่ไทยจะได้แสดงวิสัยทัศน์ใหม่ เสริมบทบาททางเศรษฐกิจ และผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นในมิติต่างๆ

โลกกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน เครื่องยนต์เศรษฐกิจแบบเดิมไม่สามารถพาประเทศไปได้ไกลเหมือนในอดีต ไทยจึงจำเป็นต้องสร้างโอกาสใหม่ เพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายงานประจำปีของธนาคารโลกประจำประเทศไทย “Building Thailand’s Future Today” จึงชี้ให้เห็นทิศทางสำคัญผ่าน 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพจะเป็นหัวใจของการเติบโตยุคใหม่

อุตสาหกรรมบริการดิจิทัลเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพ เปิดทางให้ธุรกิจและบุคลากรไทยสามารถสร้างบริการใหม่ ๆ ในตลาดโลกได้มากขึ้น ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นกลไกเศรษฐกิจที่ไทยมีความได้เปรียบ แต่ต้องยกระดับสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยใช้จุดแข็งด้านวัฒนธรรม ความเป็นมิตรของผู้คน และศักยภาพด้านการแพทย์ผสมผสานเข้าด้วยกัน

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งไม่ใช่เพียงการผลักดัน Soft Power แต่ยังรวมถึงการพัฒนานโยบายที่ใช้วัฒนธรรม ศิลปะ อาหาร และนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างยั่งยืน ด้านเกษตรและอาหารซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจดั้งเดิมของไทย ก็ต้องเร่งขยับเข้าสู่มาตรฐานใหม่ของโลกในด้านความยั่งยืน ความปลอดภัย และคุณภาพ เพื่อรักษาสถานะ “ครัวของโลก” ไว้อย่างมั่นคงและเพิ่มโอกาสในการส่งออกอาหารคุณภาพสูง

ในภาคอุตสาหกรรม ไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันระดับโลกที่รุนแรงขึ้น ฐานการผลิตเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง เช่น เทคโนโลยีชั้นสูง หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ จึงเป็นแนวทางสำคัญที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของประเทศ

แม้ภาพรวมเหล่านี้จะเป็นแนวทางที่ไทยควรเริ่มลงมือทำทันที แต่สิ่งที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงคือ “การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน” ธนาคารโลกร่วมกับ FutureTales Lab จึงออกแบบกิจกรรมด้าน Foresight เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปมาร่วมกันจินตนาการ อภิปราย และสร้างฉากทัศน์อนาคตของประเทศไทย เพื่อหาเส้นทางใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของยุคสมัยและสะท้อนมุมมองของสังคมไทยอย่างแท้จริง

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ท้าทายแต่เต็มไปด้วยโอกาส การประชุม IMF–World Bank ในปี 2569 อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่นำไปสู่การกำหนดทิศทางใหม่ของเศรษฐกิจไทย และเปิดประตูสู่บทบาทที่โดดเด่นกว่าเดิมบนเวทีโลก หากเราสามารถใช้โอกาสนี้เร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังและร่วมมือกันทุกฝ่ายอย่างเป็นระบบ.

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us