นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยว่า หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเต็มตัวแล้วนั้น ประเมินผลต่อประเทศไทยมีทั้งแง่บวกและลบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้สหรัฐกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งจะเน้นเรื่องการขาดดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด รวมถึงป้องกันภัยจากการขยายตัวของจีน ผลกระทบต่อประเทศไทยจึงเป็นเรื่องการเก็บภาษีทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรู ปะมาณ 10-20% และเล่นงานประเทศที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในนั้น รวมถึงการเก็บภาษีสินค้าจีน 60% ขึ้นไป โดยมาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับไทยในส่วนของการขยายตัวการค้าและการส่งออกของไทย ที่เติบโตน้อยลง รวมถึงการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนที่เน้นเร่งเศรษฐกิจในประเทศผ่านการท่องเที่ยวมากขึ้น
การค้าโลกที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าจะโตได้ที่ 3.2% ในปี 2568 นี้ จะปรับตัวลดลงจากเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะติดลบทั้งหมด เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้เล่นงานทั้งหมดพร้อมกัน เนื่องจากมีผลกระทบต่อสหรัฐเช่นกัน แต่เป็นการประกาศเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองมากกว่า โดยเศรษฐกิจไทยหากทำดีๆ อาจรักษาการเติบโตของจีดีพีที่ 3% ได้ แต่มองในแง่ลบ อาจขยายตัว 2.5-2.6% เท่านั้น” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า ที่ประเทศไทยเตรียมไว้ถือว่ามาถูกทางแล้ว เป็นการเตรียมพร้อมเจรจาต่อรอง ว่าประเทศไทยสามารถให้อะไรสหรัฐกลับไปได้ หากสหรัฐหันมาเล่นงานประเทศไทยในช่วงถัดไป ส่วนนี้มองว่าขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง หากการขึ้นภาษีน้อยกว่าหลายๆ ประเทศ จาก 10-20% ไทยอาจอยู่ประมาณ 5-10% ซึ่งไทยจะได้เปรียบในด้านสินค้าที่ถูกกว่าท้องตลาด อีกทั้งโลกในปัจจุบันมีขนาดใหญ่มาก หากไทยสามารถขยายตลาดไปที่อื่นมากขึ้นได้ ผลกระทบจะลดน้อยลง รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจะทำให้ทิศทางการลงทุนในอาเซียนดีขึ้น เพราะโลกกำลังเข้าสู่ยุควงจรใหม่ อุตสาหกรรมใหม่กำลังเข้ามาในไทย สะท้อนถึงปี 2567 การลงทุนของไทยจากต่างชาติมีเม็ดเงินสูงสุดในรอบสิบปี พื้นที่ในอีอีซีแทบไม่มีที่ดินเหลือแล้ว ส่วนนี้ถือเป็นผลกระทบในแง่บวก
นายสมชาย กล่าวว่า การที่สหรัฐประกาศจัดการจีนผ่านการตั้งกำแพงภาษีถึง 60% ต้องบอกว่าจีนไม่ใช่กระสอบทรายที่จะยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว แต่มีการตั้งรับต่อสู้ไว้แล้ว ผ่านกระสุนการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ หากสำเร็จเศรษฐกิจจีนจะโตประมาณ 5% ผลกระทบของจีนอาจไม่ได้มากขนาดนั้น แต่หากทำไม่ได้เต็มที่ จีดีพีจีนอาจโตเหลือเพียง 4% เท่านั้น
ที่มา - matichon