กระแส “หยวนแข็งค่า” เขย่านโยบายจีน นักเศรษฐศาสตร์ถกทางเลือกใหม่ ท้าทายยุคสี จิ้นผิง
กระแสถกเถียงเรื่องทิศทางค่าเงินหยวนเริ่มดังขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในจีน เมื่อกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์และอดีตผู้กำหนดนโยบายการเงินจำนวนมากมองตรงกันว่า การปล่อยให้หยวนอ่อนค่าต่อเนื่องกำลังกลายเป็นภาระต่อเศรษฐกิจ มากกว่าจะเป็นเครื่องยนต์สนับสนุนการเติบโตเหมือนในอดีต
รายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ช่วยหนุนการส่งออก แต่กลับซ้ำเติมปัญหาการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอ กดทับกำลังซื้อของประชาชน และเพิ่มแรงเสียดทานทางการค้ากับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะในช่วงที่จีนพยายามปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้พึ่งพาการส่งออกน้อยลง
การเปิดพื้นที่ถกเถียงเรื่องนโยบายค่าเงินถือเป็นเรื่องไม่ปกติในบริบทการเมืองจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งนโยบายเศรษฐกิจมักถูกกำหนดจากส่วนกลางอย่างรัดกุม อย่างไรก็ดี เสียงเรียกร้องให้ปล่อยให้หยวนแข็งค่าขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป กำลังเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นในแวดวงวิชาการและผู้กำหนดนโยบายเบื้องหลัง
Goldman Sachs ประเมินว่าหยวนยังอ่อนค่ากว่าระดับที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจถึงราว 25% ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่าค่าเงินที่อ่อนเกินไปทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น กระทบอำนาจซื้อ และบั่นทอนความพยายามกระตุ้นอุปสงค์ภายใน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาเงินฝืดที่จีนกำลังเผชิญ
ในช่วงสามปีจนถึงปี 2567 ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงราว 13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากผลพวงของวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และความตึงเครียดเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐ แม้ปีนี้หยวนจะฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ยังคงอยู่ในระดับอ่อนค่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยูโร
ท่าทีของธนาคารกลางจีนยังสะท้อนความระมัดระวัง โดยยังคงควบคุมกรอบการเคลื่อนไหวของหยวนอย่างใกล้ชิด และถูกมองว่าพยายามสกัดการแข็งค่ามากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาคส่งออก ซึ่งยังเป็นเสาหลักพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่การบริโภคภายในซบเซาและภาคอุตสาหกรรมเผชิญแรงกดดันเงินฝืด
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเห็นว่าการแข็งค่าของหยวนในระดับที่เหมาะสมอาจเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบในการลดดุลการค้าเกินดุลขนาดใหญ่ เพิ่มอำนาจซื้อในต่างประเทศ และยกระดับบทบาทของเงินหยวนบนเวทีโลก ขณะที่อีกฝ่ายเตือนว่าหากแข็งค่าเร็วหรือแรงเกินไป อาจย้อนรอยบทเรียนของญี่ปุ่นหลัง Plaza Accord และสร้างความเปราะบางทางการเงินในระยะยาว
มุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงยังเอนเอียงไปในทิศทางเดียวกัน คือจีนอาจเปิดทางให้หยวนแข็งค่าขึ้น แต่จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการฟื้นฟูอุปสงค์ภายในประเทศ กับการป้องกันไม่ให้ภาคส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวมเผชิญแรงกระแทกมากเกินไป





