admin L2D

pic1 (65)

'ภาคขนส่ง' จ่อพบนายกฯ ขอความชัดเจนอุดหนุนราคา 'ดีเซล'

"ภาคขนส่ง" ขอพบนายกฯ ฟังนโยบายดูแลพลังงาน หลัง "กองทุนน้ำมัน" ติดลบกว่าแสนล้าน หวังเป็นแนวทางการกำหนดราคากับผู้จ้างงาน ระบุ "ดีเซล" ปรับขึ้น 1 บาท กระทบต้นทุน 3% ทันที

เหตุผลสำคัญของการปรับเพดานราคาดีเซลในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 14 เม.ย.2567 ติดลบ 103,620 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน ติดลบ 56,407 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับการติดลบสูงที่สุดของรัฐบาล "เศรษฐา ทวีสิน" นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ 7 เดือน

 

"ตอนนี้ก็มีการเจรจากับผู้ว่าจ้างแล้วว่าราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นซึ่งผู้จ้างก็ขอให้เราคงราคาค่าขนส่งไปก่อน เขาจะมีปัญหาเรื่องตลาดอีก หากขึ้นแล้วก็จะไปสู้รายอื่นไม่ได้ มันโยงกันหมดเป็นลูกโซ่เป็นทอดๆ ยอมรับว่าทุกวันนี้การทำธุรกิจก็ต้องแข่งขัน จริงๆ ผู้ประกอบการหลักๆ ที่ยังอยู่ได้ เพราะพื้นฐานเก่าเขาดีอยู่ แต่ถ้าพื้นฐานไม่ดีจริงก็เลิกไปเยอะ โดยปัจจุบันนี้มีการเลิกกิจการไปไม่ต่ำกว่า 30%"

ดังนั้น การที่รัฐบาลปรับราคาน้ำมันจริง ๆ 1 บาท ภาคขนส่งก็จำเป็นจะต้องขึ้น 3% ดังนั้นจึงต้องขอคุยกับภาครัฐก่อนถึงนโยบาย เพื่ออธิบายกับผู้ว่าจ้างตามความเป็นจริง ซึ่งขณะนี้ได้ประสานกับทางนายกฯ อยู่ คาดว่าภายในเดือนนี้น่าจะได้หารือกับรัฐบาล ยืนยันว่าจะไม่ไปประท้วง เพราะที่ผ่านมาไม่เห็นผลอะไร และเสียเงินเป็นแสนๆ จึงจะไปในลักษณะตัวแทนของ 10 สมาคมฯ มากกว่า

Cr: bangkokbiznews

pic3 (67)

ส่องตลาด 'สแน็ค' เพื่อสุขภาพ โอกาสทองผู้ประกอบการ ชิงมาร์เก็ตแชร์ 1 แสนล้าน

พาณิชย์ เผยตลาดค้าปลีกสแน็คของไทย ในปี 2566 มีมูลค่า 105,200.7 ล้านบาท ชี้ การบริโภคสินค้าสแน็คเพื่อสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง จีนครองตลาดส่งออกสแน็คอันดับ 1 คาดเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทย แนะยึดเทรนด์สิ่งแวดล้อม

 

สินค้าสแน็คเพื่อสุขภาพในตลาดไทย ที่มีมูลค่าสูง 5 อันดับแรก ได้แก่

·        สแน็คที่ไม่มีน้ำตาล (No Sugar Snacks) 4,378.1 ล้านบาท

·        สแน็คที่ไม่มีกลูเตน (Gluten Free Snacks) 2,991.7 ล้านบาท

·        สแน็คที่เพิ่มวิตามิน (Good Source of Vitamins Snacks) 2,872.2 ล้านบาท

·        สแน็คที่มีโปรตีนสูง (High Protein Snacks) 2,654.3 ล้านบาท

·        สแน็คที่มีไฟเบอร์สูง (High Fiber Snacks) 1,858.4 ล้านบาท ในปี 2566

สำหรับสินค้าที่มีการเติบโตโดดเด่น คือ สแน็คจากพืช (Plant-Based Snacks) ร้อยละ 56.6 สแน็คที่มีโปรตีนสูง (High Protein Snacks) 22.5% และสแน็คที่ไม่เติมน้ำตาลเพิ่ม (No Added Sugar Snacks)  20.9 %

 

จากข้อมูลของ Global Trade Atlas (GTA) สถิติการส่งออกสแน็คของไทย (คัดเลือกและจัดกลุ่มสินค้าโดย สนค. เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพสินค้า) พบว่า ในปี 2566 มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1,954.7 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว  5.8 %  จากปีก่อนหน้า

1. กลุ่มของทานเล่นรสหวาน มีมูลค่าการส่งออก 1,082.3 ล้านดอลลาร์

2. กลุ่มของทานเล่นรสเค็มหรือเผ็ด มีมูลค่าการส่งออก 505.5 ล้านดอลลาร์

3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมหวานชนิดต่าง ๆ ทำด้วยน้ำตาล มีมูลค่าการส่งออก 220.4 ล้านดอลลาร์

4. ไอศกรีม มีมูลค่าการส่งออก 146.6 ล้านดอลลาร์ สินค้าสแน็คของไทยที่มูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ช็อกโกแลตและอาหารปรุงแต่งอื่น ๆ

Cr: bangkokbiznews

pic2 (68)

ผลไม้อาเซียนสู่ตลาดจีนมากขึ้นผ่านช่องทางใหม่ทางบกและทะเลภาคตะวันตกของจีน

ปีหลังๆ นี้ ผลจากการสร้างช่องทางใหม่ทางบก-ทางทะเลภาคตะวันตก (New Western Land-sea Corridor) ของจีน เป็นช่องทางสนับสนุนผลไม้อาเซียนสู่ตลาดจีนมากขึ้น

 

เวลานี้ มีการเปิดสายด่วนผลไม้จากเมืองท่าชินโจวสู่ประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่น พร้อมเดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานครบชุด เช่น โคล์เชน (การแช่แข็ง) และโกดังแช่แข็งสำหรับผลผลิตทางการเกษตรอาเซียนในการเข้าสู่จีน

ช่องทางใหม่ทางบก-ทางทะเลภาคตะวันตก (New Western Land-sea Corridor) ของจีนเป็นช่องทางใหม่ทำการค้าขายทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศที่เชื่อมพื้นที่ทางภาคตะวันตกของจีนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยการขนส่งทางรถไฟ ทางทะเล และทางหลวง จรดมาทางใต้ที่อ่าวเป่ยปู้ เขตกว่างซีของจีน และสู่สารทิศทั่วโลก

Cr: thai.cri.cn

pic1 (64)

เช็กสถานะระบบ ‘NSW' ไทย หลังตั้งเป้าเชื่อมระบบนำเข้า-ส่งออก 100% ในปีนี้

รัฐบาลดัน NSW เชื่อมระบบนำเข้า - ส่งออก ไทยให้ได้ 100% ในปีนี้ หลังสถานะล่าสุดเชื่อมต่อได้มากกว่า 99% "สมศักดิ์" สั่งตั้งคณะทำงานปรับปรุงกระบวนการให้บริการ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เร่งปรับปรุงการขนส่งทางน้ำให้มีประสิทธืภาพมากขึ้น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเร็วนี้ๆ ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.)ที่มีนายสมศักดิ์  เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณากำหนดนโยบายการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าที่สำคัญและศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) ตามนโยบายของรัฐบาล

 

 โดยให้ความสำคัญกับการขนส่งทางรางให้เป็นโครงการข่ายหลักในการขนส่งสินค้า รวมถึงใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่โดยเฉพาะท่าเรือโดยการส่งเสริมให้เป็นท่าเรือถ่ายลำ (Transshipment Port) และการผลักดันการใช้งานระบบ National Single Window (NSW) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขนส่งในการนำเข้า ส่งออก และนำผ่านสินค้า และสามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศลงได้

 

ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติรับทราบสถานะการใช้งานระบบ NSW ที่ปัจจุบันมีธุรกรรมที่ให้บริการผ่านระบบ NSW แล้วคิดเป็น 99.36% ของกระบวนงานทั้งหมดในการนำเข้าและส่งออก คาดว่าจะสามารถใช้งานกระบวนงานทั้งหมดได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

 

 รวมถึงรับทราบสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP โดยในปี 2565 ที่13.7% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่13.9% และการยกเลิกการบังคับให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบังต้องบรรทุกตู้สินค้าลงเรือที่ท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) เท่านั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ขนส่งเรือชายฝั่งที่สามารถรับตู้สินค้าได้ที่ท่าเทียบเรืออื่น ๆ ภายในท่าเรือแหลมฉบัง

Cr: bangkokbiznews

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us