admin L2D

news-20250115-01

'เวียดนาม' ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่ตลาดทุเรียนโลก ส่งออกไปจีนตีตื้นไทย!

ข้อมูลจากรายงานของนักลงทุน ชี้ว่า ยอดส่งออกทุเรียนของเวียดนามในปีที่แล้ว ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ถึง 7.8 เท่า คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของมูลค่าการขนส่งผลไม้และผักทั้งหมด ความสำเร็จนี้ส่วนใหญ่เป็นผลจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในประเทศจีน เพราะคนจีนไม่ได้กินแค่ทุเรียนสดเท่านั้น แต่ยังชอบกินผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากทุเรียนด้วย เช่น ทุเรียนอบแห้ง ทุเรียนแช่แข็ง รวมถึงเมนูของหวาน

ในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว จีนนำเข้าทุเรียนทั้งหมด 1.53 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าราว 238,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งในจำนวนนี้ เวียดนามครองส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นสัดส่วนถึง 47% ตามหลังประเทศไทยซึ่งเป็นผู้นำในการส่งออกทุเรียน มาแบบติดๆ

สำหรับทุเรียนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในกลุ่มชนชั้นกลางของจีน โดยมีผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์มากมาย เช่น สุกี้ทุเรียน ชาบูทุเรียน บุฟเฟต์ทุเรียน ซึ่งเวียดนามได้ประโยชน์จากความนิยมตรงนี้ โดยพยายามรักษาการผลิตที่มีคุณภาพสูงตลอดทั้งปีเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดระดับพรีเมียม ขณะที่อินโดนีเซียพยายามจะเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้ แต่ยอดการส่งออกทุเรียนของอินโดนีเซียในปี 2023 มีมูลค่าเพียง 36 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าผลงานของเวียดนามค่อนข้างมาก

สำนักข่าว CNBC ระบุว่า ความสำเร็จของเวียดนามในการส่งออกทุเรียน เกิดจากกลยุทธ์ที่ครอบคลุม ทั้งการปรับปรุงคุณภาพ นวัตกรรมเทคโนโลยี และการขยายตลาดต่างประเทศ เวียดนามใช้ประโยชน์จากพื้นที่ปลูกทุเรียนกว่า 9 แสนไร่ โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงแ ละพื้นที่สูง เพื่อรักษาคุณภาพผลผลิตให้อยู่ในระดับสูงตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ ยังมีการทำข้อตกลงการค้าเชิงยุทธศาสตร์กับจีน ผ่านการส่งออกในปี 2022 ซึ่งยิ่งทำให้สถานะของเวียดนามในการส่งออกทุเรียนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เวียดนามจึงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารที่เข้มงวด มีการตรวจสอบย้อนถึงต้นกำเนิดของอาหารได้ และการนำเทคโนโลยีการแช่แข็งสมัยใหม่มาใช้

เรื่องราวความสำเร็จของทุเรียนเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าการวางแผนเชิงกลยุทธ์สามารถเปลี่ยนให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในท้องถิ่นกลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงระดับโลกได้

ที่มา - pptvhd36

news-20250110-03

17 ม.ค. นี้ “คมนาคม” เคาะงบ 160 ล้าน เปิดตัว “บ้านเพื่อคนไทย”

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบกลางตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในการศึกษาเรื่องพัฒนาที่อยู่อาศัยที่อยู่รอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพหรือโครงการบ้านเพื่อคนไทยวงเงิน 160 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่มีการขออนุมัติงบกลางจากครม.เพื่อศึกษารายละเอียดโครงการบ้านเพื่อคนไทยบนพื้นที่ทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วยพื้นที่บางซื่อ กม.11, เชียงราก, สถานีธนบุรี และสถานีเชียงใหม่ นั้น เนื่องจากการศึกษาโครงการฯดังกล่าวมีมูลค่าเกิน 150 ล้านบาท จำเป็นต้องเสนอต่อสำนักงบประมาณและครม.พิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการฯ ต่อไป

ทั้งนี้ในวันที่ 17 ม.ค. 68 เวลา 14.00 น. จะเปิดตัวโครงการให้ดูบ้านตัวอย่าง พร้อมแถลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนเรื่องที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) มีโอกาสได้ถือครองและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. สัญชาติไทย
2. บรรลุนิติภาวะ ณ การลงทะเบียน
3. ผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียนไม่เกิน 50,000 บาท / เดือน
4. ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
5. ไม่เคยได้สิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทย

เงื่อนไขการซื้อสิทธิ์โครงการบ้านเพื่อคนไทย

1. ผู้ซื้อสิทธิ์ 1 ท่าน มีสิทธิ์จองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการ แต่หากการพิจารณาให้สิทธิ์ในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้วและไม่ได้สิทธิ์ สามารถใช้สิทธิ์จองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้

2. ห้ามโอนสิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิ์

3. ห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์หรือทำนิติกรรมในลักษณะห้ามเช่าที่เป็นการต่างตอบแทนเพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการเพื่อใช้ประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ์

4. หากความปรากฎว่าผู้ซื้อสิทธิ์ขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง โดยขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทยบอกเลิกสัญญาหรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย

5. หากความปรากฎว่าผู้ซื้อสิทธิ์มีพฤติการณ์ปรากฎให้เห็นหรือเชื่อได้ว่าเป็นผู้มีรายได้เกินกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิบ้านเพื่อคนไทยบอกเลิกสัญญาหรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย

6. เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามประกาศที่กำหนด

7. สงวนสิทธิ์ที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆดังกล่าวข้างต้น

ที่มา - thansettakij

news-20250114-03

'โมเดลการค้ารูปแบบใหม่' ผ่านการขนส่งทางทะเลไปจีน เพิ่มช่องทางส่งออกไทย

เว็ปไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศ (สคต.) ณ เมืองหนานหนิง ประเทศจีน รายงานว่า  เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา เนื้อทุเรียนแช่แข็งจำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ที่นำเข้าจากประเทศไทยโดยขนส่งผ่านทางทะเลในรูปแบบการค้าระหว่างชาวชายแดนเข้าประเทศจีนที่ท่าเรือชินโจว เมืองชินโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และดำเนินพิธีการศุลกากรที่ด่านชายแดนผู่จ้าย เมืองผิงเสียง เขตฯ กว่างซีจ้วง แล้วนำไปแปรรูปต่อที่บริษัท Guangxi Zhongguo (Fruit) Industrial Co., Ltd. ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนจีนเวยดนาม

ทั้งนี้ ถือว่าเป็นการนำเข้าเนื้อทุเรียนจากไทยครั้งแรกในรูปแบบดังกล่าวมายังประเทศจีน และสะท้อนให้เห็นถึงการทดลองธุรกิจแปรรูปสินค้านำเข้าจากประเทศที่สามในพื้นที่ชายแดนในรูปแบบการค้าระหว่างชาวชายแดนผ่านการขนส่งทางทะเลของจีนได้ประสบความสำเร็จ และเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับการนำเข้ามาแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรในจีน

เนื้อทุเรียนแช่แข็งล็อตนี้ขนส่งจากท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 ใช้เวลา 4 วันถึงท่าเรือชินโจว หลังจากผ่านขั้นตอนการยื่นขอเปลี่ยนด่านพิธีการศุลกากรที่ศุลกากรท่าเรือชินโจวแล้วถูกขนส่งพิธีการศุลกากรที่ด่านผู่จ้ายผ่านทางถนน เสร็จแล้วขนส่งไปต่อที่เขตการค้าตลาดร่วมกันของชาวชายแดนที่กําหนดไว้เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ทั้งกระบวนการดังกล่าวใช้เวลาทั้งสิ้น 7 วัน

การค้าระหว่างชาวชายแดน คือ ชาวชายแดนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนทางบกจีนภายใน 20 กิโลเมตรที่ทำการค้าอยู่ที่ตลาด เขตหรือจุดค้าขายที่รัฐบาลท้องถิ่นที่กำหนดไว้ในบริเวณดังกล่าว โดยโควตาการค้า 1 คนต่อ 1 วัน มูลค่าไม่เกิน 8,000 หยวน หากมีส่วนเกินจึงจำเป็นต้องชำระภาษีตามกฏหมาย

ก่อนหน้านี้การค้าระหว่างชาวชายแดนดังกล่าวของจีนดำเนินได้เพียงแต่กับประเทศพื้นบ้านที่มีชายแดนติดกัน จีนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการค้าชายแดนแบบนวัตกรรม มีการขยายแหล่งประเทศของการนำเข้าสินค้าจากประเทศพื้นบ้านเพิ่มขึ้นเป็นประเทศกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศโดยผ่านรูปแบบการค้าดังกล่าว

การค้ารูปแบบชาวชายแดนผ่านการขนส่งทางทะเลจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในเขตฯ กว่างซีจ้วง สินค้าที่นำเข้าจำเป็นต้องเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในรายชื่อสินค้านำเข้าที่ห้ามนำเข้าของการค้าระหว่างชาวชายแดนที่รัฐบาลจีนกำหนด และเป็นสินค้าที่ไม่ต้องตรวจสอบและกักกันโรคในด่านเข้าประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดเส้นทางการขนส่งระหว่างท่าเรือไปยังด่านชายแดน และสินค้าที่นำเข้าไม่สามารถจำหน่ายที่ตลาดโดยตรง ทั้งนี้ต้องผ่านการแปรรูปสินค้าในพื้นที่บริเวณชายแดนก่อน หลังจากผ่านการแปรรูปเป็นสินค้าผลิตภัณฑ์แล้ว จึงจะสามารถจำหน่ายไปยังตลาดทั่วไปได้

บริษัท Guangxi Zhongguo (Fruit) Industrial Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเนื้อทุเรียนแช่แข็งล็อตนี้ให้ข้อมูลว่า เมื่อก่อนบริษัทมีการนำเข้าผลไม้จากประเทศเวียดนามเป็นหลัก โดยใช้วิธีขนส่งผ่านทางบกอย่างเดียว

ที่มา - bangkokbiznews

news-20250114-02

“จีน” เปิดตัวเลขส่งออก ธ.ค. ขยายตัว 10.7% สูงกว่าคาด

'จีน' รายงาน ยอดส่งออกพุ่ง 10.7% ในเดือน ธ.ค. 2567 ซึ่งสูงเกินความคาดหมาย เผย ผู้ค้าเร่งส่งออกสินค้า ก่อนเจอกับภาษีศุลกากรของ โดนัลด์ ทรัมป์ ด้านยอดนำเข้าก็พุ่งเช่นกัน

วันที่ 13 มกราคม 2568 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ข้อมูลการค้าของจีนสูงเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก ในเดือนธ.ค. 2568 โดยผู้ส่งออกเร่งการส่งออกสินค้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐภายใต้การบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศก็ได้ช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ

ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรจีน ระบุว่า การส่งออกเพิ่มขึ้น 10.7% ในเดือนธ.ค. 2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเติบโต 7.3% และเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเพิ่มขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ย. 2567 และเพิ่มขึ้น 12.7% ในเดือนต.ค. 2567

การส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าและเซมิคอนดักเตอร์ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยเพิ่มขึ้น 13.1% และ 18.7% ตามลำดับ ทางด้านตัวเลขการนำเข้า เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนธ.ค. 2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี และพลิกกลับจากการลดลงในสองเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.5% ต่อเนื่อง หลังจากหดตัว 3.9% ในเดือนพ.ย. 2567 และ 2.3% ในเดือนต.ค. 2567

การส่งออกสกุลเงินหยวนของจีนเติบโต 7.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการเติบโต 0.6% ในปี 2566

นายหวง จี้ชุน นักเศรษฐศาสตร์จีนจาก Capital Economics กล่าวว่า การใช้จ่ายทางการคลังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การลงทุน คาดว่าจะผลักดันกิจกรรมการก่อสร้างและกระตุ้นอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์อุตสาหกรรมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อของจีนส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอลง ส่งผลให้ประเทศต้องพึ่งพาการส่งออกมากขึ้นเพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าการค้ามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของจีนในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ การส่งออกถือเป็นจุดสว่างที่หายากในเศรษฐกิจจีนที่กำลังดิ้นรน ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าที่เพิ่มมากขึ้นกับคู่ค้ารายหลัก เช่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้เผชิญกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐและกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง

ที่มา - kaohoon

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us