admin L2D

L2D Page (38)

เศรษฐกิจไทยเผชิญกับดักนำเข้า สัญญาณลดบทบาท "ประเทศผู้ผลิต" สู่การเป็น "ประเทศทางผ่าน" ในห่วงโซ่อุปทานโลก

กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าผลักดันการเปิดตลาดใหม่ในทวีปแอฟริกา โดยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้พบหารือกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐรวันดาและบุรุนดีประจำประเทศไทย ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสองประเทศในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับการขยายบทบาทของไทยในภูมิภาคที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพสูง

นายเอกฉัตรกล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ไทยมีเป้าหมายในการขยายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคใหม่ๆ โดยแอฟริกา โดยเฉพาะรวันดาและบุรุนดี ถือเป็นภูมิภาคดาวรุ่งที่มีแนวโน้มเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ทั้งสองประเทศตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของแอฟริกาตะวันออก ซึ่งสามารถเชื่อมโยงการค้าในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ไทยก็พร้อมเป็นประตูการค้าสำหรับรวันดาและบุรุนดีเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในระหว่างการหารือ ฝ่ายไทยได้แสดงความพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่มั่นคง โดยเน้นกลุ่มสินค้าที่ไทยมีศักยภาพสูงในการส่งออก เช่น วัสดุก่อสร้าง แผงสวิตซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตลอดจนเคมีภัณฑ์ รวมถึงสินค้าเกษตรบางประเภทที่สอดคล้องกับความต้องการพัฒนาของทั้งสองประเทศ ด้านรวันดาซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว ก็มีสินค้าที่ไทยสนใจนำเข้า เช่น กาแฟและชา ขณะที่บุรุนดีเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย โดยเฉพาะแร่ธาตุหายาก ทองแดง และนิกเกิล

ไทยได้เชิญชวนให้ทั้งรวันดาและบุรุนดีเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าและงานแสดงสินค้าสำคัญของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เช่น งาน Thailand-Global Connect: Seeking New Opportunities amidst Global Trade Challenges ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม งาน Thailand International Logistics Fair 2025 ในเดือนสิงหาคม งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair 2025 ในเดือนกันยายน และงาน Thailand Tractor & Agri-Machinery Show: THAITAM ที่วางแผนจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายได้พบปะ พูดคุย และขยายความร่วมมือเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

กระทรวงพาณิชย์ยังมีสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ซึ่งมีพื้นที่ความรับผิดชอบครอบคลุมรวันดาและบุรุนดีด้วย โดยจะทำหน้าที่เป็นกลไกสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลทางการค้าระหว่างไทยกับทั้งสองประเทศในปี 2567 สะท้อนแนวโน้มที่น่าจับตา โดยรวันดาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 26 ของไทยในทวีปแอฟริกา มูลค่าการค้าอยู่ที่ 55.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปรวันดา 4.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 51.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกหลักได้แก่ เคมีภัณฑ์ แผงสวิตซ์และอุปกรณ์ไฟฟ้า รถยนต์และชิ้นส่วน ขณะที่สินค้านำเข้าได้แก่ แร่โลหะ เศษโลหะ อัญมณี เงิน ทอง กาแฟและชา

ส่วนบุรุนดี แม้ยังเป็นตลาดเกิดใหม่และอยู่ในลำดับที่ 51 ของไทยในแอฟริกา แต่ก็มีศักยภาพในการเติบโต มูลค่าการค้ารวมในปี 2567 อยู่ที่ 1.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทั้งหมดเป็นการส่งออกจากไทย ซึ่งประกอบด้วยรถยนต์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์กระดาษ ส่วนสินค้านำเข้าจากบุรุนดียังอยู่ในระดับต่ำมาก และจำกัดอยู่ในกลุ่มของที่ทำจากเหล็กกล้า สิ่งพิมพ์ และข้าว

การขยายตลาดการค้าสู่แอฟริกา โดยเฉพาะผ่านความร่วมมือกับประเทศอย่างรวันดาและบุรุนดี จึงถือเป็นก้าวสำคัญของไทยในการสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจที่หลากหลาย ลดการพึ่งพาตลาดเดิม และต่อยอดความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในหลายมิติ ทั้งการค้า การลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

L2D Page (37)

CHANGAN Automobile ต้อนรับกรมศุลกากรมาบตาพุด เยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่แห่งแรกในต่างประเทศ พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นลงทุนระยะยาวในไทย

CHANGAN Automobile ผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะและคาร์บอนต่ำ เปิดประตูโรงงานฉางอาน ออโตโมบิล ระยอง (CHANGAN Automobile Rayong Factory) ต้อนรับคณะทำงานจากสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด เข้าเยี่ยมชมและรับฟังการดำเนินงานของฐานการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ครบวงจรแห่งแรกของบริษัทนอกประเทศจีน ซึ่งโรงงานแห่งนี้ยังได้รับการสนับสนุนให้เป็นพื้นที่เขตปลอดอากรภาษีจากกรมศุลกากรและหน่วยงานภาครัฐของไทยอีกด้วย

ในการนี้ เซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีส เอเชีย และ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) ได้เข้าพบภัทริยา กุลชล ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด เพื่อหารือความร่วมมือและแสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเน้นย้ำถึงความตั้งใจในการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของฉางอานที่ให้ความสำคัญกับตลาดอาเซียน

CHANGAN ย้ำความพร้อมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย โดยเฉพาะการสนองต่อนโยบายภาครัฐภายใต้มาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 และ EV 3.5 ด้วยการผลิตในประเทศทดแทนการนำเข้าให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าใช้ชิ้นส่วนและอะไหล่ที่ผลิตในไทยในสัดส่วน 60-70% เพื่อช่วยเพิ่มรายได้และศักยภาพให้กับผู้ผลิตไทย พร้อมทั้งสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ โดยได้จัดสรรบุคลากรไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการนำเข้า-ส่งออกมาร่วมประสานงานกับกรมศุลกากรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพสูงสุด

การเปิดโรงงานต้อนรับคณะทำงานจากภาครัฐในครั้งนี้ สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของฉางอานในการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหน่วยงานราชการไทย พร้อมเดินหน้าสนับสนุนนโยบายของรัฐอย่างแข็งขัน ควบคู่กับการส่งมอบเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าและสังคมไทยในระยะยาว

L2D Page (36)

อินโดนีเซียเดินหน้าลดภาษี-อุปสรรคการค้า หนุนดีลการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนมาตรการภาษีมีผล

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย เปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเข้มข้น โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในระดับกรอบเบื้องต้นเพื่อจัดทำข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนอย่างเป็นทางการภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี และเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกของทั้งสองประเทศสามารถเข้าถึงตลาดของกันและกันได้มากกว่าที่เคยเป็นมา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล เรียกข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็น "ชัยชนะอันยิ่งใหญ่" สำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ บริษัทเทคโนโลยี เกษตรกร ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยข้อตกลงนี้ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ฉบับที่รัฐบาลทรัมป์สามารถเจรจาให้สำเร็จก่อนถึงเส้นตายการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคมนี้

อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันถูกเก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐในอัตรา 19% เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 20% อย่างไรก็ตาม ภายใต้ข้อตกลงล่าสุด อินโดนีเซียจะต้องดำเนินการยกเลิกนโยบายสำคัญหลายประการ เช่น การเก็บภาษีข้อมูลอินเทอร์เน็ต การตรวจสอบสินค้าสหรัฐก่อนขนส่ง ซึ่งเคยเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐ และเป็นสาเหตุหนึ่งของดุลการค้าขาดดุลมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนหนึ่งที่ถือว่าเป็นความสำเร็จของฝั่งอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐคือ การที่อินโดนีเซียตกลงยอมรับมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์สหรัฐสำหรับการส่งออกเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงเพิ่มเติมให้อินโดนีเซียยกเลิกข้อจำกัดด้านการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยเฉพาะแร่ธาตุสำคัญ พร้อมทั้งยกเลิกเงื่อนไขเรื่องการใช้ชิ้นส่วนท้องถิ่น (local content) สำหรับสินค้าที่จะส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา

ในแถลงการณ์ร่วมยังระบุว่า สหรัฐจะลดภาษีศุลกากรตอบโต้จากอัตราที่สูงลงมาอยู่ที่ 19% และยังอาจพิจารณายกเว้นภาษีเพิ่มเติมสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการที่สหรัฐไม่มีการผลิตหรือไม่สามารถผลิตได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเจาะจงในส่วนดังกล่าว

ทั้งสองประเทศยังตกลงจะหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศที่สามเข้ามาใช้ช่องว่างจากข้อตกลงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคู่สัญญาหลักอย่างสหรัฐและอินโดนีเซีย

ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียยังแสดงความตั้งใจในการลดอุปสรรคสำหรับสินค้าอเมริกันเพิ่มเติม ด้วยการยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าและข้อกำหนดเกี่ยวกับใบอนุญาต สำหรับสินค้าหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐ พร้อมทั้งยืนยันเข้าร่วมเวทีระดับโลกเพื่อหารือประเด็นปัญหาเรื่องการผลิตเหล็กส่วนเกิน และร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตเกินในภาคอุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลกอย่างเป็นรูปธรรม

L2D Page (35)

รัสเซียเร่งส่งออกทองและโลหะมีค่า พุ่งกว่า 80% จีนกลายเป็นตลาดหลักแทนตะวันตก

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การส่งออกสินแร่โลหะมีค่าของรัสเซียไปยังจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยมีอัตราเติบโตสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดส่งออก หลังจากที่ชาติตะวันตกพากันใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ข้อมูลจาก Trade Data Monitor ซึ่งอ้างอิงจากสำนักงานศุลกากรจีน ระบุว่าการนำเข้าสินแร่โลหะมีค่าจากรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือเงิน มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 28% นับตั้งแต่ต้นปี โดยมีแรงหนุนหลักจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ ความตึงเครียดทางการค้าในระดับโลก ตลอดจนแรงซื้อจากธนาคารกลางและกองทุน ETF ทั่วโลก

ภายหลังถูกตัดออกจากตลาดการซื้อขายทองคำหลักของโลกอย่างลอนดอนและนิวยอร์กตั้งแต่ปี 2565 ทำให้รัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 300 ตันต่อปี จำเป็นต้องหาตลาดใหม่ในการระบายสินค้าทดแทน และจีนได้กลายเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่สำคัญยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ธนาคารกลางรัสเซีย ซึ่งเคยเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลก ยังไม่กลับเข้าสู่ตลาดในปริมาณที่มีนัยสำคัญ

นอกจากตลาดต่างประเทศแล้ว ความต้องการทองคำภายในรัสเซียก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครายย่อยที่มองหาวิธีปกป้องมูลค่าเงินออมจากความผันผวนของเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้ยอดการซื้อทองคำภายในประเทศในปี 2567 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในอีกมุมหนึ่ง บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ของรัสเซียอย่าง MMC Norilsk Nickel PJSC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแพลเลเดียมและแพลทินัมรายสำคัญของโลก ก็ได้เร่งขยายการส่งออกไปยังตลาดจีนอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ สอดรับกับราคาของโลหะทั้งสองชนิดที่เพิ่มขึ้นถึง 38% และ 59% ตามลำดับ ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณชัดเจนของการปรับทิศทางทางเศรษฐกิจของรัสเซียหลังเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

Facebook Pagelike Widget

The most efficient online logistics media in Thailand.

Contact Info

Follow Us