รัฐบาลมีเป้าหมายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยอุตสาหกรรมการบินเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งไทยมีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่โดดเด่น และนับได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว (Tourism Destination) ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก

การขับเคลื่อนฮับการบินในมุมมองของภาครัฐ จะเดินหน้าอย่างไร “ฐานเศรษฐกิจ” ได้จับประเด็นที่น่าสนใจในงานสัมมนาอุตสาหกรรมการบินประจำปี 2567 ภายใต้หัวข้อ “Navigating the Future: Embarking to the Hub of Aviation” เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค มานำเสนอ

นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีประชากรเพียง 70 ล้านคน ทำให้มีความจำเป็นต้องเปิดประตูสู่การทำธุรกิจกับต่างประเทศที่มีประชากรโลกมากถึง 7,000 ล้านคน

อุตสาหกรรมการบิน จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ไทย และเป็น Gateway สำคัญในการเดินทางของประชากรจากทั่วโลก ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งท่าอากาศยาน สายการบิน การควบคุมการจราจรทางอากาศ เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก รวมไปถึงการบำรุงรักษาเครื่องบิน ผู้ประกอบการบริการ และหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย (Safety and Security) ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากเช่นกัน

ในปี 2566 ที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศ กลับมาเพิ่มสูงขึ้นถึง 122 ล้านคน รวม 792,000 เที่ยวบิน คิดเป็นกว่า 74% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการบิน

รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม มุ่งขับเคลื่อนนโยบายศูนย์กลางการบิน และสนับสนุนให้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดใน 20 อันดับแรก ของท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกภายใน 5 ปี โดยแบ่งระยะของนโยบายออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

ระยะเร่งด่วน : เน้นอำนวยความสะดวก และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ เชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ และเป็นที่ยอมรับเรื่องมาตรฐานในระดับสากล

ระยะกลาง : เน้นเพิ่มขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินของท่าอากาศยานหลักของประเทศ

ระยะยาว : เน้นการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ คือ ท่าอากาศยานอันดามัน และท่าอากาศยานล้านนา รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงอากาศยานและกิจกรรมเกี่ยวเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต

ที่มา - thansettakij