การปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐที่ปรับขึ้นเป็น 25% มีผลบังคับใช้แล้วในวันที่ 12 มีนาคมนี้ โดยไม่มีการยกเว้นให้กับประเทศใด การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความร้อนแรงของการทำสงครามการค้าของสหรัฐกับประเทศต่างๆ รวมถึงชาติพันธมิตรในสหภาพยุโรป (อียู) ด้วย
การเพิ่มความคุ้มครองให้กับผู้ผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ภาษีการนำเข้าโลหะทั้งหมด รวมถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำหลายร้อยรายการที่ทำจากโลหะ ตั้งแต่สลักเกลียว ใบมีดรถปราบหน้าดิน และกระป๋องโซดา
การที่ทรัมป์ให้ความสำคัญกับภาษีศุลกากรมากเกินไปตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผู้บริโภค และธุรกิจสั่นคลอน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กังวลว่าอาจทำให้สหรัฐฯ ถดถอย และเศรษฐกิจโลกถดถอยต่อไป
คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ที่รับผิดชอบการประสานงานเรื่องการค้า ตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่าจะเรียกเก็บภาษีต่างตอบแทนกับสินค้าสหรัฐคิดเป็นมูลค่า 26,000 ล้านยูโร หรือราว 947,618 ล้านบาทเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนนี้
นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานอีซี กล่าวว่า เราพร้อมที่จะเข้าร่วมการเจรจาที่มีความหมาย โดยได้ได้มอบหมายให้มารอส เซฟโควิช ผู้แทนการค้าของอีซี เริ่มการเจรจาใหม่เพื่อค้นหาทางออกที่ดีกว่าร่วมกับสหรัฐ
“เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และการเมือง การที่เราจะเพิ่มภาระให้กับเศรษฐกิจของเราด้วยภาษีศุลกากรเช่นนี้ ไม่ใช่ประโยชน์ร่วมกันของเรา” แดร์ ไลเอินกล่าว
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า ปักกิ่งจะใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตน ขณะที่โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่น
แคนาดา อังกฤษ และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐก็ออกมาวิจารณ์การจัดเก็บภาษีศุลกากรโดยรวมครั้งนี้เช่นกัน โดยแคนาดากำลังพิจารณาถึงการดำเนินการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน ด้านโจนาธาน เรย์โนลด์ส รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษกล่าวว่า ทุกทางเลือกยังคงอยู่บนโต๊ะเพื่อตอบสนองต่อเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
นายแอนโธนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวขัดต่อจิตวิญญาณมิตรภาพอันยาวนานของทั้งสองประเทศ แต่เขาปฏิเสธที่จะใช้ภาษีตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน โดยระบุว่าภาษีศุลกากรและความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำร้ายตัวเองทางเศรษฐกิจ และเป็นสูตรที่ทำให้การเติบโตช้าลงพร้อมกับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐมากที่สุดคือแคนาดา ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์เหล็กและอลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดจากต่างประเทศให้กับสหรัฐ ขณะที่บราซิล เม็กซิโก และเกาหลีใต้ ยังคงได้รับการยกเว้นหรือมีโควตาในระดับหนึ่ง
ที่มา - matichon