ใครจะคิดว่า “ไอศกรีมไทย” จะก้าวขึ้นมาเป็นสินค้าส่งออกแถวหน้าในเวทีโลก แต่วันนี้ประเทศไทยสามารถคว้าแชมป์ประเทศผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 1 ของเอเชีย และยังติดอันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรได้อย่างภาคภูมิ ด้วยคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับ รสชาติที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย และความสามารถในการปรับตัวต่อกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า แม้โลกการค้าจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่สินค้าไอศกรีมของไทยกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563–2567) ไทยส่งออกไอศกรีมไปทั่วโลกเฉลี่ยปีละ 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเฉลี่ย 11% ต่อปี และเพียง 2 เดือนแรกของปี 2568 ไทยก็ส่งออกไอศกรีมไปแล้วมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความสำเร็จนี้คือความได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ซึ่งช่วยลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้า ปัจจุบันไทยมี FTA กับ 18 ประเทศ และสินค้าไอศกรีมไทยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าแล้วจาก 17 ประเทศ เหลือเพียงญี่ปุ่นที่ยังเก็บภาษีในอัตรา 21-29.8% แต่ถึงอย่างนั้น ตลาดญี่ปุ่นก็ยังขยายตัวแบบก้าวกระโดดถึง 827% ในช่วงต้นปีนี้ สะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าที่แข็งแกร่งเกินข้อจำกัดด้านภาษี

ภาพรวมการส่งออกไอศกรีมไทยไปยังประเทศคู่ FTA มีมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วนถึง 87% ของมูลค่าการส่งออกไอศกรีมทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่ยังคงเป็นพระเอก ขยายตัว 9% นำโดยมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามที่เติบโตแรงแบบก้าวกระโดด เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฮ่องกง และญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน

ในระยะยาว โชติมามองว่า อุตสาหกรรมไอศกรีมของไทยยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก ด้วยปัจจัยหนุนจากทั้งคุณภาพสินค้า สิทธิประโยชน์ทางภาษี และความหลากหลายของวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในประเทศ หลายบริษัทไอศกรีมระดับโลกจึงเลือกใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อป้อนตลาดในภูมิภาคเอเชีย

สำหรับผู้ประกอบการไทย นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สม่ำเสมอ ใส่ใจในรสชาติที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมพัฒนาไอศกรีมฟังก์ชันที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร หรือวัตถุดิบสุขภาพที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นจุดขายสำคัญในตลาดโลก

โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลือเพียงการขยับตัวให้ทัน และใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่ เพื่อให้ “ไอศกรีมไทย” ไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจของผู้บริโภคในประเทศ แต่เป็นรสชาติที่ทั่วโลกอยากลิ้มลอง

ที่มา - thestandard