โครงการยกระดับ “ท่าเรือคลองเตย” กำลังเดินหน้าครั้งใหญ่ โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมพลิกโฉมพื้นที่บริเวณหน้าท่ากว่า 520 ไร่ ให้กลายเป็นศูนย์กลางเชิงพาณิชย์รูปแบบใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนครบวงจรทั้งทางถนน ทางราง และทางน้ำ

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีมติให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ บนพื้นที่รวม 2,353 ไร่ โดยจะเริ่มต้นจากพื้นที่บริเวณหน้าท่า 520 ไร่ ซึ่งเป็นโซนที่ไม่มีพื้นที่อยู่อาศัยและใช้สำหรับขนถ่ายสินค้าเทกองและตู้คอนเทนเนอร์อยู่แล้ว

พื้นที่นี้จะถูกพัฒนาให้เป็นโซนพาณิชย์สมาร์ท (Smart Commercial) ในรูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วยท่าเทียบเรือสำราญ โรงแรม ศูนย์การค้า และอาคารจัดเก็บสินค้ารูปแบบแนวดิ่ง เพื่อลดการใช้พื้นที่แนวราบเดิม และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ โดยคาดว่าจะออกแบบแผนผังพื้นที่และรูปแบบการลงทุนแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2569

ไม่เพียงเท่านั้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องยังเร่งเดินหน้าไปพร้อมกัน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบขนส่ง ซึ่ง กทท. และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะเดินหน้าทางเชื่อมระหว่างท่าเรือคลองเตยกับทางด่วนบางนา-อาจณรงค์ (S1) ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของจราจรบริเวณท่าเรือได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กรมการขนส่งทางราง การรถไฟแห่งประเทศไทย และการท่าเรือฯ เอง ก็กำลังร่วมกันศึกษาแนวทางเชื่อมโยงระบบรางเพื่อรองรับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เข้าสู่ท่าเรือโดยตรง

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าจับตาคือการศึกษาแนวเส้นทาง “แทรม” หรือรถไฟฟ้ารางเบา ที่จะวิ่งเชื่อมสถานี MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผ่านพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ไปยังสถานี BTS พระโขนง แนวคิดนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเดินทางสาธารณะในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต และลดภาระจราจรในบริเวณโดยรอบ

สำหรับพื้นที่ที่เหลืออีก 1,833 ไร่ จะมีการพัฒนาในระยะถัดไป โดยจะเน้นการทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ และบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

การแปลงโฉมท่าเรือคลองเตยครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการสร้างเมืองใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่พร้อมเชื่อมโยงกรุงเทพฯ เข้ากับเครือข่ายโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค

ที่มา - dailynews