รัฐบาลอินโดนีเซียเดินหน้าผลักดันยุทธศาสตร์ใหม่ มุ่งลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคส่งออก หลังจากที่ประเทศสามารถรักษาดุลการค้าเกินดุลต่อเนื่องมาหลายปี โดยล่าสุด ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ยืนยันว่า รัฐบาลตั้งเป้าลดต้นทุนโลจิสติกส์จาก 14.5% เหลือ 12.5% และในระยะยาวจะลดลงให้ได้ถึง 8% เพื่อให้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน
ฮาร์ตาร์โตระบุว่า ต้นทุนโลจิสติกส์ของอินโดนีเซียยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งส่วนใหญ่มีต้นทุนในระดับตัวเลขหลักเดียว การเร่งปฏิรูปภาคโลจิสติกส์จึงถือเป็นสิ่งจำเป็น หากอินโดนีเซียต้องการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางและผู้ประกอบการต้องการความคล่องตัวด้านต้นทุนมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของการดำเนินนโยบาย รัฐบาลเตรียมเริ่มใช้มาตรการผ่อนปรนกฎระเบียบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป เพื่อขจัดข้อจำกัดที่ไม่จำเป็นและเพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ส่งออกและผู้ผลิต ฮาร์ตาร์โตกล่าวว่า อินโดนีเซียจะทำการจำแนกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนด้านโลจิสติกส์สูง และจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการลดต้นทุนในกลุ่มสินค้านั้น ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น
แนวทางดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอินโดนีเซียในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคโลจิสติกส์ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของการค้าโลก ซึ่งหากสามารถลดต้นทุนได้ตามเป้า อาจทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตและการกระจายสินค้าของภูมิภาคได้ในอนาคตอันใกล้
ที่มา - dailynews