เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) พร้อมภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสมาคมเฮลท์เทคไทย จัดงาน Kick-off แผนงานมุ่งเป้าระดับประเทศ เพื่อผลักดันเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ด้านเครื่องมือแพทย์ บริการทางการแพทย์ และยา มุ่งเพิ่มศักยภาพการผลิตและจำหน่ายนวัตกรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยี AI ภายในประเทศ ลดการนำเข้ารวมมูลค่า 1,500 ล้านบาท และเปิดโอกาสให้ประชาชนกว่า 8.5 ล้านคนเข้าถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทยภายในปี 2569
พิธีเปิดจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมเป้าหมายสำคัญด้านเครื่องมือแพทย์ บริการทางการแพทย์ และยา เป็นประธาน พร้อมเน้นย้ำว่า AI ทางการแพทย์จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับระบบสุขภาพและเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเมื่อประเทศมีจุดแข็งด้านฐานข้อมูลขนาดใหญ่จากโรงพยาบาลชั้นนำ และมีนักวิจัยที่มีศักยภาพสูง รวมถึงความร่วมมือจากหลายภาคส่วนตั้งแต่งานวิจัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการขยายสู่เชิงพาณิชย์และการใช้งานจริงในวงกว้าง
หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จคือ “นวัตกรรมการวิเคราะห์ภาพรังสีทรวงอกด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ซึ่งได้รับการบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์บริการทางการแพทย์ขั้นสูงในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมติบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 และจะเริ่มให้บริการในโรงพยาบาลภาครัฐ 167 แห่งในปีงบประมาณนี้ ด้วยงบ 55 ล้านบาท ก่อนขยายครอบคลุมทั่วประเทศ กรณีนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานจากราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย อย. และ Singapore FDA และขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยเรียบร้อยแล้ว โดย สปสช.มีแผนขยายให้ครอบคลุมโรงพยาบาล 887 แห่งทั่วประเทศภายใน 3 ปี เพื่อช่วยคัดกรองโรคสำคัญอย่างวัณโรคและมะเร็งปอด ลดภาระงานของแพทย์ และเพิ่มความรวดเร็วในการวินิจฉัย
ดร.จิตติ์พร ธรรมจินดา ผู้อำนวยการ TCELS กล่าวเสริมว่า การขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการแพทย์ โดยเฉพาะ AI จำเป็นต้องเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ กรณี AI Chest X-ray ถือเป็นโครงการนำร่องที่แสดงผลลัพธ์เชิงประจักษ์ และจะเป็นต้นแบบสำหรับการขยายสู่นวัตกรรมอื่น ๆ โดยตลาดภาครัฐถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ก่อนต่อยอดสู่ตลาดสากล
ด้าน นพ.อาทิตย์ คำจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะเต่า ยืนยันจากประสบการณ์ใช้งานจริงว่า AI อ่านฟิล์มเอกซเรย์มีความแม่นยำสูง ใช้งานง่าย และช่วยให้การวินิจฉัยโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากทุกโรงพยาบาลได้ใช้นวัตกรรมประเภทนี้ จะช่วยยกระดับการรักษาและคุณภาพชีวิตประชาชนได้อย่างชัดเจน
ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เครื่องมือแพทย์และ AI ทางการแพทย์ของไทยไปสู่การใช้งานจริงทั้งในประเทศและเวทีโลก พร้อมสร้างความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพประชาชน