สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในจังหวัดเพชรบูรณ์เตรียมรวมตัวปิดถนนบริเวณสี่แยกราหุล อำเภอบึงสามพัน วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคารับซื้อข้าวโพดตกต่ำและการจำกัดปริมาณการรับซื้อจากโรงงาน โดยเกษตรกรบางส่วนเชื่อมโยงปัญหากับการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐอเมริกา
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมฯ ยืนยันว่าไม่ควรเข้าใจผิดว่าการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ เป็นต้นเหตุให้ราคาตกต่ำ เนื่องจากการนำเข้าในปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้นจริง และหากมีการนำเข้าในอนาคตก็เป็นเพียงการทดแทนปริมาณที่เคยนำเข้ามาก่อนหน้านี้ จึงไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวโพดในประเทศลดลง ขณะเดียวกันได้ชี้ให้เห็นว่าประเด็นที่ควรให้ความสำคัญมากกว่าคือการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ หากผู้เลี้ยงหมูไทยได้รับผลกระทบจนต้องลดการผลิต ความต้องการใช้ข้าวโพด ปลายข้าว มันสำปะหลัง กากถั่วเหลือง และปลาป่น จะหายไปรวมหลายล้านตัน ซึ่งจะกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ
เขายังกล่าวถึงประเด็นสารเร่งเนื้อแดงที่ใช้กันในสหรัฐฯ ว่าเป็นข้อกังวลด้านสุขภาพที่ไทยไม่อาจมองข้ามได้ เพราะวิถีการบริโภคของคนไทย โดยเฉพาะการบริโภคเครื่องใน ทำให้เสี่ยงต่อการได้รับสารตกค้างมากกว่าการกินเนื้อหมูเพียงอย่างเดียว จึงถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ไทยสามารถหยิบยกมาใช้ปกป้องผู้บริโภคได้
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวโพดในประเทศ นายพรศิลป์อธิบายว่าเป็นผลจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเฉลี่ยเดือนละกว่า 1 ล้านตัน แต่ความต้องการใช้มีเพียง 7.6 แสนตันต่อเดือน ส่งผลให้ราคาปรับลดลงเป็นเรื่องปกติ โรงงานอาหารสัตว์ส่วนใหญ่กว่า 90% ยังคงเปิดรับซื้อ มีเพียงบางส่วนที่ปิดซ่อมบำรุงและจะกลับมาเปิดภายในต้นเดือนกันยายน ทั้งนี้แม้โรงงานทั้งหมดจะเปิดรับซื้อครบถ้วน ก็ไม่อาจดูดซับผลผลิตที่ล้นตลาดได้ทั้งหมด
รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือมาโดยตลอด เช่น โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้รวบรวมหรือสถาบันเกษตรกรในการเก็บสต็อกข้าวโพดเพื่อชะลอการขาย แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรสมัครเข้าร่วมเพียงครึ่งหนึ่ง ทำให้ผลลัพธ์ยังไม่ครอบคลุม ขณะเดียวกันประเทศไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีละ 9.2 ล้านตัน แต่ผลิตได้เพียง 4.8 ล้านตัน จึงจำเป็นต้องพึ่งการนำเข้า ซึ่งอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เข้มงวดทั้งจากกรอบ AFTA และ WTO
สมาคมอาหารสัตว์เตือนว่าการสร้างข่าวโยงการนำเข้ากับราคาตกต่ำจะยิ่งทำให้เกษตรกรเสียโอกาสและถูกกดราคาเกินจริง พร้อมแนะให้เกษตรกรดูแลคุณภาพผลผลิต ลดความชื้นเพื่อขายได้ราคาดีขึ้น รวมถึงขอให้หน่วยงานรัฐเข้มงวดตรวจสอบการหักน้ำหนักในลานรับซื้อ โดยย้ำว่าปัญหานี้เกิดขึ้นซ้ำเกือบทุกปีตามฤดูกาลผลิต และสิ่งที่ควรเร่งทำคือการปรับโครงสร้างการผลิตและหามาตรการรองรับผลกระทบจากการนำเข้าเนื้อหมูสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลรุนแรงต่อทั้งระบบอาหารสัตว์มากกว่าการตกต่ำของราคาข้าวโพดในช่วงสั้น ๆ
ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยตลอดห้าปีที่ผ่านมา แม้จะตกต่ำในบางช่วงฤดูกาล แต่ไม่เคยต่ำกว่า 8.50 บาทต่อกิโลกรัม และยังสูงกว่าราคาตลาดโลกมาโดยตลอด สะท้อนว่าปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่การนำเข้า แต่เป็นเรื่องโครงสร้างการผลิตและการจัดการผลผลิตที่ต้องการการแก้ไขอย่างจริงจังจากภาครัฐและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง