นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ครั้งที่ 1/2568 เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์การผลิตและตลาดไข่ไก่ รวมถึงแนวทางในการรักษาเสถียรภาพราคาและความมั่นคงทางอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ โดยยืนยันว่าผู้ประกอบการที่ยื่นขอนำเข้าพ่อแม่พันธุ์รายใหม่ ต้องดำเนินการตามขั้นตอนและแนวทางของเอ้กบอร์ดอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบการผลิตและตลาดที่มีอยู่
จากรายงานสถานการณ์ของกรมปศุสัตว์ พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนไก่ไข่ยืนกรง 53.84 ล้านตัว คาดการณ์ผลผลิตเฉลี่ย 44.68 ล้านฟองต่อวัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568) ขณะที่ราคาไข่ไก่เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 อยู่ที่เฉลี่ยฟองละ 3.60 บาท ส่วนการส่งออกไข่ไก่สดในช่วง 7 เดือนแรกของปี มีปริมาณรวม 304.63 ล้านฟอง มูลค่า 1,087.94 ล้านบาท โดยมีตลาดสำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์ (78%) ฮ่องกง (9%) ญี่ปุ่น (8%) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (3%) และประเทศอื่น ๆ อีก 2% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลด้านอุปทานและอุปสงค์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาการปรับแผนนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ปี 2568 สำหรับผู้ประกอบการนำเข้า 3 ราย ซึ่งไม่สามารถนำเข้าได้ตามกำหนดในเดือนธันวาคม 2567 เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด โดยมีมติให้ดำเนินการชดเชยเพื่อความเป็นธรรม และเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขณะเดียวกันยังมีมติเห็นชอบร่างโครงการ “กินไข่ทุกวัน สุขภาพดีทุกวัย” ที่มุ่งส่งเสริมการบริโภคไข่ไก่ในประเทศและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ทางโภชนาการ
สำหรับแนวทางการขอนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ของผู้ประกอบการรายใหม่ รัฐมนตรีเกษตรฯ ย้ำว่า ต้องมีแผนการผลิตและการตลาดที่ชัดเจน เสนอข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการพิจารณา ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมเอ้กบอร์ด เพื่อให้มั่นใจว่าการกระจายพันธุ์ไก่ไข่ถึงมือเกษตรกรอย่างทั่วถึง โดยไม่กระทบต่อมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาและไม่สร้างความเสียเปรียบต่อผู้ประกอบการรายเดิม
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ราคาไข่ไก่อย่างใกล้ชิด พร้อมทบทวนแผนงานด้านการผลิตและการตลาดอย่างรอบคอบ เพื่อคุ้มครองเกษตรกรจากความผันผวนด้านต้นทุนและความไม่แน่นอนในตลาด รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการไข่ไก่และพันธุ์ไก่ให้มีทิศทางที่สอดคล้องและเป็นเอกภาพมากที่สุด