วันที่ 1 กันยายน 2568 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินเดียออกมาตอบโต้แรงกดดันจากสหรัฐที่เรียกร้องให้ยุติการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย หลังรัฐบาลวอชิงตันประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียบางรายการเป็น 50%

ฮาร์ดีป ซิงห์ พูรี รัฐมนตรีน้ำมันอินเดีย ระบุว่า การนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียไม่เพียงสอดคล้องกับกฎสากล แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันดิบทะลุระดับ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เขายืนยันว่าอินเดียไม่ได้ทำหน้าที่เป็น “โรงฟอกน้ำมันรัสเซีย” ตามที่ฝ่ายสหรัฐกล่าวหา พร้อมชี้ว่า การซื้อน้ำมันอยู่ภายใต้กลไกกำหนดราคาน้ำมันเพดาน (price cap) ของกลุ่ม G7 ซึ่งมีเป้าหมายจำกัดรายได้ของรัสเซีย ขณะเดียวกันก็รักษาเสถียรภาพของตลาดโลก

คำแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังที่ปรึกษาทำเนียบขาว ปีเตอร์ นาวาร์โร และสกอต เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ออกมาโจมตีว่า อินเดียและกลุ่มมหาเศรษฐีในประเทศกำลังแสวงหาผลประโยชน์จากสงครามยูเครน รวมถึงกล่าวหาว่าการซื้อน้ำมันรัสเซียเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับสงคราม

ด้านพูรีได้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ The Hindu ย้ำว่า การดำเนินนโยบายด้านพลังงานของอินเดียเป็นไปตามกติกาสากลทุกประการ และมีส่วนช่วยให้ราคาพลังงานโลกไม่เกิดวิกฤติที่รุนแรงเกินควบคุม

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้พบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ระหว่างการประชุมสุดยอดภูมิภาคที่ประเทศจีน โดยโมดีโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ระบุว่าการสนทนากับปูตินเป็นไปอย่าง “ลึกซึ้งเสมอ” และทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองอย่างกว้างขวาง