การเดินรถไฟจีน-ลาวกำลังกลายเป็นกลไกสำคัญที่พลิกโฉมเส้นทางการค้าผลไม้ระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีน โดยเฉพาะในตลาดทุเรียนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองคุนหมิง ประเทศจีน ว่า ระบบโลจิสติกส์ที่ผสานเข้ากับเครือข่ายรถไฟและท่าด่านหงอวิ้น อินเตอร์เนชันแนล ซัพพลายเชน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 161,300 ตารางเมตร ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในการเร่งรัดการขนส่งสินค้าเกษตรจากภูมิภาคสู่จีนแผ่นดินใหญ่
นายหลี่ หรงผิง ประธานบริษัทหงอวิ้น อินเตอร์เนชันแนล ซัพพลายเชน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปลายปี 2563 บริษัทได้พัฒนาการผสานระบบโลจิสติกส์ทางรางเข้ากับสวนอุตสาหกรรมครบวงจร ช่วยให้บริการต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งการจัดเก็บสินค้า การกระจาย การบรรจุหีบห่อ ไปจนถึงการซ่อมบำรุงตู้คอนเทเนอร์ จึงทำให้การเคลื่อนย้ายทุเรียนในฤดูส่งออกที่คึกคักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ทุเรียนสดน้ำหนักราว 18 ตัน สามารถย้ายจากตู้คอนเทเนอร์รถไฟขึ้นสู่รถบรรทุกได้ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที ก่อนจะกระจายต่อไปยังตลาดค้าส่งผลไม้ในพื้นที่โดยรอบ
ในขณะเดียวกัน นายโอว เต้าชิง หัวหน้าฝ่ายการตลาดของสถานีท่าเรือบกนานาชาติคุนหมิง ระบุว่า รถไฟด่วนขนส่ง “ล้านช้าง–แม่โขง เอ็กซ์เพรส” ซึ่งวิ่งบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ได้ย่นระยะเวลาการขนส่งทุเรียนจากนครเวียงจันทน์ของลาวถึงคุนหมิง เหลือเพียง 26 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ผลไม้ยังคงความสดใหม่และคุณภาพรสชาติไม่ลดลง สอดรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้บริโภคชาวจีน
เส้นทางรถไฟจีน-ลาวที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2564 ไม่เพียงสร้างความสะดวกสบายในการเชื่อมโยงการค้าระหว่างจีนกับอาเซียน แต่ยังช่วยแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับการขนส่งทางรถยนต์และเรือ ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าที่เกิดจากสภาพอากาศ ระยะเวลาขนส่งที่ยาวนาน หรือความเสียหายของผลไม้ระหว่างทาง
ข้อมูลจากการรถไฟแห่งประเทศจีน สาขาคุนหมิง ระบุว่า จนถึงวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ปริมาณทุเรียนที่นำเข้าผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาวสูงกว่า 150,000 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ารถไฟสายนี้กำลังกลายเป็น “เส้นเลือดหลัก” ของการค้าผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ที่กลายเป็นสินค้าหลักจากอาเซียนที่ผู้บริโภคชาวจีนให้ความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน