เมื่อค่ำวันที่ 27 กันยายน 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ในงาน Thailand – China Cooperation Expo 2025 ณ ห้องรอยัล จูบิลี อิมแพ็ค เมืองทองธานี งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ภายใต้ธีม “50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน : ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน”
พิธีเปิดมีบุคคลสำคัญทั้งฝ่ายไทยและจีนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ ฯพณฯ องคมนตรี พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย–จีน และนายหลิว ฉวนเหลย นายกสมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในไทย ซึ่งสะท้อนถึงมิตรภาพที่ยืนยาวและแน่นแฟ้นของสองประเทศ
นางศุภจีเน้นย้ำว่า จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 12 โดยมูลค่าการค้ารวมในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่กว่า 96,254 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.2 ล้านล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 28.1% ถือเป็นหลักฐานชัดเจนของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แนบแน่นระหว่างสองประเทศ เธอกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งทุเรียน มังคุด ลำไย มันสำปะหลัง และยางพารา โดยเฉพาะการนำเข้าข้าวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเพิ่มเติมว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของไทยในปีแห่งการเฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย–จีน คือการผลักดันให้เกิดการส่งออกข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ G to G จำนวน 280,000 ตันที่ยังค้างส่งมอบให้สำเร็จ เพราะนี่ไม่เพียงเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นของสองประเทศ
ในด้านการลงทุน จีนยังครองตำแหน่งนักลงทุนโดยตรงอันดับหนึ่งในไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอนาคต เช่น พลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และเทคโนโลยีชีวภาพ ส่วนภาคการท่องเที่ยว จีนยังเป็นตลาดหลักที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวันหยุดยาว Golden Week ของจีน รัฐบาลไทยยืนยันความพร้อมในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างเต็มที่
นางศุภจี ยังได้กล่าวถึงนโยบายความร่วมมือระหว่างไทย–จีนที่ครอบคลุม 5 มิติหลัก ได้แก่ การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ การพัฒนาพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ความมั่นคงด้านเกษตรและอาหาร และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนในด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ยังคงผลักดันความร่วมมือกับจีนในทุกระดับ ผ่านความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน (ACFTA) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) การทำบันทึกความร่วมมือกับมณฑลต่าง ๆ ของจีน ตลอดจนการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญในจีน เช่น China International Import Expo (CIIE) 2025 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ขณะเดียวกันก็เชิญชวนผู้ประกอบการจีนเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย เช่น Bangkok Gems & Jewelry Fair และ THAIFEX – ANUGA ASIA
ปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์มีสำนักงานส่งเสริมการค้าในจีนถึง 8 แห่ง ได้แก่ เฉิงตู คุนหมิง หนานหนิง กวางโจว เซี่ยเหมิน เซี่ยงไฮ้ ชิงต่าว และฮ่องกง รวมถึงสำนักงานพาณิชย์ ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าไทย–จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ พร้อมจะเป็นสะพานเชื่อมเพื่อเปิดประตูสู่การค้าการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการและนักธุรกิจไทย–จีน โดยจะช่วยผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงตลาดจีนได้สะดวกมากขึ้น และสนับสนุนนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนและทำธุรกิจในไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของทั้งสองประเทศให้เติบโตก้าวหน้าไปด้วยกัน” นางศุภจี กล่าวสรุป