ฮานอย, 7 ตุลาคม — เศรษฐกิจเวียดนามยังคงแสดงศักยภาพที่แข็งแกร่งในด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มูลค่าการค้ารวมของเวียดนามในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) พุ่งแตะระดับกว่า 22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าราว 681,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่ต่อเนื่องจากภาคการผลิตและการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแรง

ในรายละเอียด เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 349,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11.3 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกันที่อัตรา 18.8% อยู่ที่ประมาณ 332,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10.75 ล้านล้านบาท)

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้การค้าของเวียดนามขยายตัวต่อเนื่อง มาจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกที่ยังคงเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและสิ่งทอ ซึ่งได้รับการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน การบริโภคในประเทศและความต้องการวัตถุดิบจากภาคการผลิตภายในก็หนุนให้การนำเข้าขยายตัวตามไปด้วย

ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามระบุว่า มีสินค้า 7 กลุ่มหลัก ที่สามารถทำรายได้จากการส่งออกเกิน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อกลุ่ม หรือคิดเป็นมูลค่ากลุ่มละไม่ต่ำกว่า 324,000 ล้านบาท ได้แก่ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนัง รองเท้า และผลิตภัณฑ์จากไม้ ซึ่งทั้งหมดเป็นสินค้าหลักที่เวียดนามมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเวียดนามกำลังได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตของบรรดาบริษัทข้ามชาติ ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากห่วงโซ่อุปทานในจีน ส่งผลให้ประเทศกลายเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีดิจิทัล

นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า หากไม่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจหรือปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มูลค่าการค้ารวมของเวียดนามในปี 2568 จะสามารถสร้าง สถิติสูงสุดใหม่ ได้ที่มากกว่า 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 29.16 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศนับตั้งแต่เริ่มเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ

ในส่วนของ ดุลการค้า คาดว่าเวียดนามจะยังคงรักษาสถานะการค้าสุทธิในเชิงบวก โดยคาดว่าจะเกินดุลมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 648,000 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการส่งออกที่เหนือกว่าการนำเข้าอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการนโยบายเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลเวียดนาม รวมถึงความสามารถในการปรับตัวของภาคเอกชนและผู้ประกอบการต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก ซึ่งทำให้เวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคอาเซียนในปี 2568