ภายในงาน FIATA World Congress (FWC) 2025 บูธของ Vietnam SuperPort ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานทั่วโลก รวมถึง นาย Turgut Erkeskin ประธาน FIATA และผู้แทนจากสมาคมโลจิสติกส์ชั้นนำหลายแห่ง ดร. ยัป กวง เวง (Yap Kwong Weng) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Vietnam SuperPort ได้เปิดเผยแผนการดำเนินงานของ คลังสินค้าขนส่งสินค้าทางอากาศขยายใหม่ (OACT) ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นจุดเชื่อมโยงเชิงกลยุทธ์ในห่วงโซ่อุปทานหลายรูปแบบ และจะเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
OACT ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์บนระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือของเวียดนาม เชื่อมโยงกว่า 20 เขตอุตสาหกรรมกับท่าเรือและสนามบินสำคัญ เช่น สนามบินโหน่ยบ่าย ท่าเรือไฮฟอง และท่าเรือกวางนิญ รวมทั้งขยายการเชื่อมต่อไปถึงยูนนานและคุนหมิงของจีน ทำให้เวียดนามกลายเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญในการขนส่งสินค้าระหว่างอาเซียน จีน และตลาดหลักในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
คลังสินค้าแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในคลังสินค้าขนส่งสินค้าทางอากาศระยะไกลแห่งแรกของเวียดนามที่ผสานฟังก์ชันต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบในฐานะ “อาคารขนส่งสินค้าภายนอกสนามบิน” รองรับทั้งกระบวนการศุลกากร การตรวจสอบความปลอดภัย การจัดเก็บ การโหลดและขนถ่ายอุปกรณ์ขนส่งสินค้า (ULD) และการขนส่งไปยังสนามบินโดยตรง สินค้าทุกชิ้นจะถูกควบคุมภายใต้มาตรการความปลอดภัยเข้มงวดและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ด้วยพื้นที่รวมกว่า 11,000 ตารางเมตร และศักยภาพในการขนถ่ายสินค้าราว 50,000 ตันต่อปี OACT ได้รับการออกแบบและติดตั้งด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถรองรับสินค้าปริมาณมากจากผู้ประกอบการในตลาดที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป
ดร. ยัป กวง เวง กล่าวว่า OACT เป็นส่วนสำคัญของศูนย์โลจิสติกส์หลายรูปแบบของ Vietnam SuperPort ที่พัฒนาในแนวคิด “Park within a Park” ซึ่งรวมการขนส่งทุกประเภทไว้ในศูนย์กลางเดียว ทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และทางรถไฟ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเลือกวิธีการขนส่งได้อย่างยืดหยุ่นและคุ้มค่าที่สุด
Vietnam SuperPort ยังมีแผนพัฒนา OACT ให้กลายเป็น ศูนย์ขนส่งสินค้าอัจฉริยะ (Smart Air Cargo Terminal) โดยบูรณาการเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการร่วมมือกับ Google และ Kyndryl ในการพัฒนา AI ตรวจจับสินค้าต้องห้ามและสินค้าอันตราย ตลอดจนระบบรับรองเอกสารอัตโนมัติเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย
นอกจากนี้ Vietnam SuperPort ยังได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยแห่งสิงคโปร์ (A*STAR) ในการวิจัยยานยนต์นำทางอัตโนมัติ (AGV) หุ่นยนต์โหลดสินค้า และหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เพื่อทำให้กระบวนการโลจิสติกส์ทั้งหมดเป็นระบบอัตโนมัติ คาดว่าจะช่วยเพิ่มผลผลิตในการปฏิบัติงานได้มากถึง 35% และลดความผิดพลาดได้กว่า 50%
ในระยะยาว OACT ตั้งเป้าที่จะพัฒนาเป็น แพลตฟอร์มโลจิสติกส์ดิจิทัลแบบบูรณาการ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถติดตาม จัดการ และจองบริการออนไลน์ได้ในระบบเดียว ตั้งแต่ขั้นตอนการศุลกากร การตรวจสอบความปลอดภัย ไปจนถึงการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง ห่วงโซ่อุปทานการบินดิจิทัล (Digital Air Supply Chain) ที่เชื่อมโยงเวียดนามเข้ากับเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะของอาเซียนและทั่วโลก
ดร. โรเบิร์ต แยป ประธานบริหารของ YCH Group กล่าวย้ำในงานว่า “Vietnam SuperPort คือผลลัพธ์ของวิสัยทัศน์ร่วมระหว่าง YCH Group และ T&T Group ที่ต้องการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ชาญฉลาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเชื่อมโยงภูมิภาคเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง”
OACT จึงไม่เพียงเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ที่เสริมศักยภาพของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการค้าและนวัตกรรมของภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แนวคิดการพัฒนา “เชื่อมต่อ – ชาญฉลาด – ยั่งยืน (Connect – Smart – Sustainable)”
ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และบุคลากรที่มีคุณภาพ Vietnam SuperPort มุ่งมั่นที่จะสร้างศูนย์โลจิสติกส์แห่งยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืนและนวัตกรรม พร้อมเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันของเวียดนามในตลาดโลก และปูทางสู่การเป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์สีเขียวชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี พ.ศ. 2583