กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศมาตรการใหม่ควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ “แร่หายาก” (Rare Earths) โดยมีผลบังคับใช้ทันที ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการแปรรูป การผลิตแม่เหล็ก อุปกรณ์รีไซเคิล ไปจนถึงชิ้นส่วนและชุดประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง มาตรการนี้กำหนดห้ามส่งออกไปยังผู้ใช้งานในภาคกลาโหมของต่างประเทศโดยเด็ดขาด และสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะต้องผ่านการพิจารณาเป็นรายกรณีเท่านั้น

มาตรการดังกล่าวถือเป็นการขยายผลจากระเบียบที่ประกาศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเคยสร้างความผันผวนในตลาดโลกจากภาวะขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญ ก่อนที่จีนจะผ่อนคลายชั่วคราวโดยอนุมัติใบอนุญาตส่งออกให้บางบริษัทในยุโรปและสหรัฐ ภายใต้กฎใหม่นี้ จีนจะเพิ่มการควบคุมต่อเทคโนโลยีการผลิตแม่เหล็กแร่หายากให้ครอบคลุมประเภทแม่เหล็กมากขึ้น รวมถึงห้ามส่งออกส่วนประกอบที่มีแม่เหล็กต้องห้ามอยู่ในผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกัน อุปกรณ์รีไซเคิลแร่หายากจะต้องได้รับใบอนุญาตเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มข้อจำกัดใหม่ในบัญชีเทคโนโลยีห้ามส่งออก

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังห้ามบริษัทในประเทศร่วมมือกับต่างชาติในโครงการที่เกี่ยวข้องกับแร่หายากหากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ และในกรณีที่บริษัทต่างประเทศนำเครื่องจักรหรือชิ้นส่วนจากจีนไปใช้ในกระบวนการผลิต จะต้องยื่นขอใบอนุญาตส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์นั้นก่อนทุกครั้ง

ในแถลงการณ์ กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ผู้ส่งออกต้องมี “ความตระหนักด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ” มากขึ้น และต้องตรวจสอบว่าสินค้าของตนจัดอยู่ในประเภท “สินค้าใช้ได้สองทาง” (Dual-Use Items) หรือไม่ โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีทางการผลิต โดรน และคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงที่อาจนำไปใช้ทางทหาร ทั้งนี้ ผู้ใช้งานในภาคกลาโหมจะไม่ได้รับใบอนุญาตโดยเด็ดขาด ส่วนการส่งออกที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี

จีนเป็นผู้ผลิตและแปรรูปแร่หายากรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% วัตถุดิบกลุ่มนี้มีมากถึง 17 ชนิด และเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) กังหันลม เครื่องบิน และเรดาร์ทางทหาร โดยเฉพาะการผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) ที่ใช้ในมอเตอร์ของยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ซึ่งทำให้มาตรการของจีนมีผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

มาตรการนี้ออกมาในช่วงที่สหรัฐกำลังพิจารณาขยายการแบนอุปกรณ์ผลิตชิปที่ส่งออกไปยังจีน เพิ่มแรงกดดันทางเทคโนโลยีให้กับปักกิ่ง ขณะที่บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกอย่าง Samsung Electronics, TSMC และ SK Hynix ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ ด้านรัฐบาลจีนยืนยันว่า มาตรการที่ประกาศมีขอบเขตจำกัดและมุ่งเป้าชัดเจน พร้อมระบุว่าจะใช้ “มาตรการอำนวยความสะดวก” เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วไป

นักวิเคราะห์มองว่า การดำเนินการของปักกิ่งครั้งนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่า จีนพร้อมใช้ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์อย่าง “แร่หายาก” เป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์เพื่อตอบโต้แรงกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก ก่อนหน้านี้ จีนได้ประกาศเพิ่มมาตรการปราบปรามการลักลอบขุดและส่งออกแร่หายาก รวมถึงควบคุมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรักษาความมั่นคงแห่งชาติและเสริมความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสองมหาอำนาจ