วันที่ 16 ตุลาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรี และหอคำ ทำเนียบประธานประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คณะผู้แทนไทยนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือรอบด้านระหว่างสองประเทศ

ในการเยือนครั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้เข้าหารือเต็มคณะกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาว และเข้าพบนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน พลังงาน ความมั่นคง และคมนาคมขนส่ง รวมถึงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนไทย–ลาว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้เยือนลาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี พร้อมขอบคุณรัฐบาลลาวที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ไทย–ลาวมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเสมือนเครือญาติ และในปีนี้ซึ่งครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสานต่อความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ด้านนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศลาว แสดงความยินดีต่อการเยือนของคณะไทย พร้อมยืนยันความพร้อมที่จะเข้าร่วมพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ–บอลิคำไซ) ในช่วงปลายปี 2568 โดยจะมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานฝ่ายไทย ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนสายสัมพันธ์อันมั่นคงระหว่างสองประเทศ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงทิศทางความร่วมมือด้านคมนาคมว่า การเชื่อมโยงโครงข่ายระหว่างไทยและลาวเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค เพราะไม่เพียงแต่สร้างโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นเส้นทางแห่งมิตรภาพที่เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนสองฝั่งโขง

ในส่วนของความคืบหน้าโครงการสำคัญ สะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ–บอลิคำไซ) ก่อสร้างแล้วเสร็จและเตรียมเปิดใช้งานในเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาและต้นทุนขนส่ง เชื่อมโยงเส้นทางไทย–ลาว–เวียดนาม ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย–เวียงจันทน์) เพื่อเพิ่มน้ำหนักบรรทุกจาก U15 เป็น U20 และยกระดับประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยการขนส่งสินค้า ส่วนโครงการสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้สะพานแห่งที่ 1 ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงาน EIA โดยตั้งเป้าเริ่มก่อสร้างปี 2570 แล้วเสร็จในปี 2573 เพื่อรองรับระบบรถไฟความเร็วสูงลาว–จีน

ขณะเดียวกัน โครงการทางรถไฟเวียงจันทน์–นครหลวงเวียงจันทน์ ระยะทาง 10 กิโลเมตร ซึ่งจะปิด “missing link” ของระบบรางในภูมิภาค อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาลลาวว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร ทั้งนี้ เป้าหมายหลักของความร่วมมือทั้งหมดคือการทำให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกขึ้น การขนส่งและการค้าเกิดประสิทธิภาพ เมืองชายแดนคึกคัก และเยาวชนมีโอกาสทางอาชีพเพิ่มขึ้น

นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมเร่งดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อขยายความร่วมมือด้านถนน รถไฟ และระบบขนส่งสาธารณะกับ สปป.ลาว โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการสร้างประโยชน์ให้ประชาชนทั้งสองประเทศ ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง เพิ่มโอกาสในการค้าขายและประกอบอาชีพ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย–ลาวอย่างยั่งยืน