โลจิสติกส์จีนสุดล้ำ “ติดปีก” ขนส่งทุเรียนไทยถึงปลายทางใน 1 วัน
จีนกำลังก้าวกระโดดสู่ยุคใหม่ของโลจิสติกส์อัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI, 5G และระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบเข้ามาบริหารจัดการการขนส่งทั้งทางบก ทางราง และทางทะเล ตั้งแต่รถและเครนไร้คนขับ ไปจนถึงระบบตรวจสอบสินค้าแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดขั้นตอนทางศุลกากรและเพิ่มความเร็วในการขนส่งอย่างมหาศาล จนทำให้ผลไม้ไทย โดยเฉพาะ “ทุเรียน” สามารถเดินทางถึงผู้บริโภคชาวจีนได้ภายในเวลาเพียง 1 วัน
หนึ่งในหัวใจสำคัญของความสำเร็จนี้คือ “ด่านรถไฟผิงเสียง” เมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างจีนกับอาเซียน ด่านแห่งนี้อยู่ห่างจากชายแดนเวียดนามเพียง 14 กิโลเมตร ถือเป็นจุดผ่านแดนที่สั้นที่สุดในการเชื่อมจีนกับภูมิภาคอาเซียน ระบบโลจิสติกส์ครบวงจรของผิงเสียง ครอบคลุมทั้งคลังสินค้า ศูนย์ตรวจสอบสินค้า และการขนส่งทางรถไฟความเร็วสูง ทำให้สินค้าจากไทย เช่น ทุเรียน ขนุน และลำไยอบแห้ง เดินทางเข้าสู่จีนได้รวดเร็วพร้อมรักษาความสดใหม่ไว้ครบถ้วน รถไฟหนึ่งขบวนสามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ถึง 25 ตู้ และวิ่งได้สูงสุดวันละ 3 รอบ ช่วยเพิ่มความถี่ในการขนส่งช่วงฤดูผลไม้ที่มีความต้องการสูง
รัฐบาลกว่างซีได้ลงทุนพัฒนา “ด่านอัจฉริยะ” ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะระบบท่าเรือดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับทางรถไฟและศุลกากร ทำให้ขั้นตอนตรวจปล่อยสินค้าลดเหลือเพียง 3-4 นาที นับเป็นการยกระดับโลจิสติกส์จีนให้กลายเป็นหนึ่งในระบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก
อีกหนึ่งด่านสำคัญคือ “ด่านโหย่วอี้กวน” ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองผิงเสียงเช่นกัน ถือเป็นด่านทางบกที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการค้ามากที่สุดระหว่างจีนกับเวียดนาม รถบรรทุกสินค้าผ่านเข้าออกด่านนี้วันละกว่า 1,300-1,500 คัน โดยสินค้านำเข้าหลักคือผลไม้จากอาเซียน โดยเฉพาะทุเรียนไทยที่คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 9 ใน 10 ของทุเรียนทั้งหมดที่เข้าสู่จีน วันหนึ่งมีทุเรียนไทยผ่านด่านนี้มากถึง 220 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือประมาณ 28 ตันต่อตู้
ปัจจุบัน ด่านโหย่วอี้กวนได้รับการยกระดับเป็น “ด่านอัจฉริยะเต็มรูปแบบ” ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมนำทาง ระบบสื่อสาร 5G และยานพาหนะขนส่งไร้คนขับ พร้อมด้วยเครนยกตู้คอนเทนเนอร์แบบอัตโนมัติและระบบตรวจสอบด้วยกล้อง AI ด่านสามารถดำเนินงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การขนส่งสินค้าจากกรุงฮานอยถึงเมืองหนานหนิงใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสินค้าสดจากไทยที่ต้องการความรวดเร็ว
ด้านการขนส่งทางทะเล จีนได้สร้าง “ท่าเรืออัจฉริยะอ่าวเป่ยปู้” หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “อ่าวตังเกี๋ย” ซึ่งรวมกลุ่มท่าเรือหลัก 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือชินโจว, ท่าเรือเป๋ยไห่ และท่าเรือฝางเฉิงก่าง โดยเฉพาะท่าเรือชินโจว ถือเป็นท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกของจีน ทุกขั้นตอนควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ รถขนส่งและเครนยกตู้คอนเทนเนอร์ทำงานแบบไร้คนขับ เชื่อมต่อกับทางรถไฟระเบียงการขนส่งทางบก–ทางทะเลระหว่างประเทศ ทำให้ตู้สินค้าสามารถเคลื่อนจากเรือขึ้นรถไฟได้ภายในไม่กี่นาที
ระบบอัจฉริยะของท่าเรือชินโจวยังติดตั้งกล้อง AI ตรวจจับสิ่งแปลกปลอม ป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในทุกขั้นตอน ปัจจุบันท่าเรืออ่าวเป่ยปู้มีเส้นทางขนส่งทั้งหมด 91 เส้นทาง เชื่อมโยงกับท่าเรือแหลมฉบังของไทยโดยตรง เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ช่วยให้ผลไม้ไทยเดินทางถึงผู้บริโภคจีนได้อย่างรวดเร็ว สดใหม่ และปลอดภัย
ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างไทยและจีนจึงกลายเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของอุตสาหกรรมผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียนที่เป็นสินค้าดาวเด่นของประเทศ เมื่อระบบขนส่งของจีนสามารถย่นระยะเวลาเหลือเพียง 1 วัน ผลไม้ไทยก็มีโอกาสแข่งขันในตลาดจีนได้อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในด้านคุณภาพ ความสด และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน สินค้าจากจีนที่ส่งมายังไทยก็ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ที่พัฒนาอย่างเท่าเทียม สะท้อนให้เห็นถึงยุคใหม่ของ “การค้าชายแดนอัจฉริยะ” ที่ทั้งสองประเทศกำลังร่วมกันผลักดันให้เติบโตอย่างยั่งยืน.

