ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี อดีตผู้บริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คนใหม่ นับเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้าค่าโดยสาร 20 บาท และการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าในอนาคต

การแต่งตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการสรรหาได้ดำเนินการคัดเลือกผู้เหมาะสมในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยนายกาจผจญเป็นหนึ่งในสี่ผู้สมัครที่ผ่านกระบวนการคัดเลือก ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลายในแวดวงคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นการเคยดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า และผู้ช่วยผู้ว่าการ รฟม. รวมถึงรองผู้ว่าการ (ยุทธศาสตร์และแผน) ของ กทพ.

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ภารกิจเร่งด่วนของผู้ว่าฯ รฟม. คนใหม่ คือการผลักดันนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาททุกสีทุกสาย ให้เป็นรูปธรรมภายในเดือนกันยายนนี้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ

ตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. ถือเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนนโยบายและการประมูลโครงการพัฒนารถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสำคัญที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้โอนให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการพัฒนา ได้แก่:

  • รถไฟฟ้าสายสีเงิน (บางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ระยะทาง 19.7 กิโลเมตร วงเงินลงทุนประมาณ 89,948.27 ล้านบาท ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีบางนา) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สถานีศรีเอี่ยม)
  • รถไฟฟ้าสายสีเทา ระยะที่ 1 (วัชรพล-ทองหล่อ) ระยะทาง 16.3 กิโลเมตร วงเงินลงทุนประมาณ 29,130 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าถึง 5 สายทาง ได้แก่ สายสีชมพู (สถานีวัชรพล), สายสีน้ำตาล (สถานีคลองลำเจียก), สายสีเหลือง (สถานีฉลองรัช), สายสีส้ม (สถานีพระราม 9), และสายสีเขียว (สถานีทองหล่อ)
  • รถไฟฟ้าสายสีฟ้า (ดินแดง-สาทร) ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร แม้จะยังไม่มีการประเมินวงเงินลงทุน แต่ถือเป็นโครงข่ายสำคัญที่จะเข้าถึงพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน และสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีลุมพินี) และรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีเพลินจิต)

การแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่ในครั้งนี้ จึงเป็นสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลพร้อมเดินหน้ายกระดับระบบขนส่งสาธารณะของกรุงเทพฯ ให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น