ธุรกิจใหม่ชะลอแรง พ.ย.68 ลดลง 11% สะท้อนเศรษฐกิจซบ แต่ต่างชาติยังมั่นใจลงทุนไทยกว่า 3.1 แสนล้าน

ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ของไทยในเดือนพฤศจิกายน 2568 ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยว่า เดือนดังกล่าวมีการจดทะเบียนธุรกิจใหม่จำนวน 5,554 ราย ลดลงจากเดือนตุลาคมถึง 22% และลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ทุนจดทะเบียนรวมอยู่ที่ 14,860 ล้านบาท ส่งสัญญาณว่าผู้ประกอบการยังระมัดระวังการเริ่มต้นธุรกิจใหม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาโครงสร้างของธุรกิจที่จัดตั้งใหม่ พบว่าบางกลุ่มยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด ซึ่งเติบโตสูงสุดจากแรงหนุนของภาคท่องเที่ยว รองลงมาคือธุรกิจค้าส่งทั่วไปและธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า สะท้อนความต้องการด้านโลจิสติกส์และการกระจายสินค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–พฤศจิกายน) การจัดตั้งธุรกิจใหม่มีจำนวนสะสม 80,064 ราย ลดลงราว 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ทุนจดทะเบียนสะสมอยู่ที่ 250,852 ล้านบาท ลดลง 5% ส่วนการเลิกประกอบกิจการในเดือนพฤศจิกายนมีจำนวน 2,494 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังลดลงเมื่อเทียบรายปี ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ประเทศไทยมีนิติบุคคลจดทะเบียนรวมกว่า 2.04 ล้านราย โดยมีธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่ประมาณ 970,000 ราย

แม้การจัดตั้งธุรกิจใหม่ของผู้ประกอบการไทยจะชะลอลง แต่การลงทุนจากต่างชาติยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤศจิกายน 2568 มีการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยจำนวน 104 ราย เงินลงทุนรวมกว่า 34,000 ล้านบาท และเมื่อรวม 11 เดือนแรกของปี พบว่าต่างชาติเข้ามาลงทุนแล้ว 973 ราย มูลค่ารวมกว่า 311,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุนเมื่อเทียบกับปีก่อนอย่างชัดเจน

ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุดยังคงเป็นญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา จีน และฮ่องกง โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศต่อศักยภาพระยะยาวของเศรษฐกิจไทย แม้ภาคธุรกิจภายในประเทศจะยังเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก็ตาม