สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประกาศปรับเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2568 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1–3% เป็น 5–7% หลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยจากเดิม 36% เหลือ 19% ซึ่งถือเป็นระดับที่สอดคล้องกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธาน สรท. ระบุว่า อัตราภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ถือว่าเป็นผลจากความพยายามในการเจรจาอย่างต่อเนื่อง และสร้างความชัดเจนให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ที่การส่งออกจะมีทิศทางดีขึ้นจากแรงหนุนด้านภาษี อย่างไรก็ตาม แม้อัตราภาษีจะลดลง แต่ผลกระทบทางต้นทุนยังคงอยู่ โดยเฉพาะการเจรจาระหว่างผู้นำเข้าสหรัฐฯ และผู้ส่งออกไทยซึ่งอาจต้องแบ่งภาระภาษีร่วมกัน ทำให้ผู้ส่งออกต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น และส่งผลให้กำไรลดลง
ผลกระทบยังลามไปถึงผู้ผลิตวัตถุดิบต้นน้ำในประเทศ ที่อาจต้องปรับลดราคาจำหน่ายเพื่อให้สินค้าปลายน้ำสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ซึ่งอาจกระทบต่อรายได้ของผู้ผลิตและเกษตรกรไทยในภาพรวม นอกจากนี้ แม้ผู้บริโภคในสหรัฐจะยอมรับราคาสินค้าที่แพงขึ้นในระดับหนึ่ง แต่การบริโภคสินค้าขั้นสุดท้ายย่อมลดลงในระยะยาว ซึ่งอาจทำให้ปริมาณการนำเข้าสินค้าจากไทยลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะเผชิญการแข่งขันจากคู่แข่งที่หันไปเจาะตลาดรองอื่นแทน
จากสถานการณ์ดังกล่าว สรท. จึงเสนอให้ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการเสริมศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในทุกมิติ ทั้งการลดต้นทุนธุรกิจในด้านอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ยเงินกู้ พลังงาน และแรงงาน รวมถึงเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ผ่านการเจรจา FTA การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การนำผู้แทนการค้าไทยไปยังตลาดเป้าหมาย การจับคู่ธุรกิจ และการเพิ่มสภาพคล่องด้วยเงินทุนหมุนเวียน ขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มมาตรการควบคุมสินค้านำเข้าให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อลดแรงกดดันที่อาจตกอยู่กับผู้ผลิตในประเทศ
ทางด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าแม้อัตราภาษีใหม่นี้ยังเป็นภาระ แต่ก็ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกที่ช่วยให้สินค้าไทยยังแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อบรรเทาผลกระทบ กระทรวงพาณิชย์จึงเตรียมจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาแบบ One Stop Service ที่ศูนย์ส่งออกสินค้ารัชดา เพื่อบูรณาการการช่วยเหลือผู้ประกอบการแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีหน่วยงานสนับสนุน เช่น ธนาคารและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้คำแนะนำและแนวทางแก้ไขแก่ผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ กระทรวงจะประเมินผลกระทบของอัตราภาษี 19% รายกลุ่มสินค้าอย่างละเอียด พร้อมกับเร่งเดินหน้าเปิดตลาดใหม่และเร่งรัดการเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้ารายอื่น เพื่อสร้างโอกาสและกระจายความเสี่ยงทางการค้าของไทยในระยะยาว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์กำหนดเป้าหมายเจรจาและดำเนินการเชิงรุกไว้ล่วงหน้าแล้ว