กรุงฮานอย – สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ 4 กันยายนว่า เวียดนามสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกข้าวในปี 2568 ได้ทะลุ 96,800 ล้านบาทแล้ว แม้ในเชิงปริมาณการส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.88% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี แต่ตัวเลขมูลค่ากลับปรับลดลงถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันของตลาดข้าวโลกที่ผันผวน ทั้งจากภาวะอุปทานและอิทธิพลด้านราคา

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาส่งออกข้าวของเวียดนามขยับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจากความตึงตัวของอุปทานในตลาดโลก ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ส่งออกเวียดนาม และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่ต้องการข้าวคุณภาพสูง สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ประเมินว่า ภายในสิ้นปีนี้ เวียดนามจะสามารถส่งออกข้าวได้มากกว่า 8 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยืนยันบทบาทของเวียดนามในฐานะผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญอันดับต้น ๆ ของโลก

การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดข้าวเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดของรัฐบาลและผู้ประกอบการ โดยเวียดนามพยายามยกระดับคุณภาพการผลิตข้าว เพิ่มมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหาร และผลักดันให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบการผลิตที่เน้นความยั่งยืน ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ เพื่อกระจายตลาด ลดการพึ่งพิงตลาดดั้งเดิม

แม้ภาพรวมตัวเลขส่งออกจะสะท้อนความสำเร็จ แต่ความท้าทายยังคงอยู่ในเรื่องราคาที่ผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ เช่น อินเดียและไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า หากเวียดนามสามารถรักษาความได้เปรียบด้านคุณภาพและบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถรักษาสถานะในตลาดโลกและเพิ่มโอกาสการเจาะตลาดระดับพรีเมียมได้มากขึ้น

การที่เวียดนามยังคงสามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกได้แม้มูลค่าลดลง จึงสะท้อนถึงความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมข้าวในประเทศ และแสดงให้เห็นว่าเวียดนามกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญของการพัฒนาภาคเกษตร ที่ไม่เพียงเน้นปริมาณ แต่ยังมุ่งไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ