แรงกดดันจากการลดการปล่อยมลพิษและความจำเป็นในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นกำลังผลักดันให้การขนส่งทางน้ำและทางรถไฟก้าวขึ้นมาเป็น “กระดูกสันหลังสีเขียว” ของโลจิสติกส์โลก การพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่ทันสมัย การนำระบบดิจิทัลมาใช้ และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ล้วนเป็นปัจจัยที่จะเปลี่ยนทิศทางของอุตสาหกรรมนี้อย่างสิ้นเชิง

การประชุม FIATA World Congress 2025 (FWC 2025) ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงฮานอย ระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคม ภายใต้หัวข้อ “โลจิสติกส์สีเขียวและยืดหยุ่น” กำลังถูกจับตามองในฐานะเวทีที่กำหนดทิศทางการปรับโฉมของระบบขนส่งโลก หัวข้อสำคัญในการประชุมครั้งนี้คือการส่งเสริมการขนส่งทางน้ำและทางรถไฟ ซึ่งถูกวิเคราะห์ว่าเป็นกุญแจในการแก้โจทย์ใหญ่สองประการ ได้แก่ การสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อความผันผวนของห่วงโซ่อุปทาน และการบรรลุเป้าหมายด้านการลดการปล่อยคาร์บอน

ในเวียดนาม นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแถลงการณ์ 113/CD-TTg ยืนยันบทบาทของการขนส่งทางน้ำว่าเป็นกลไกสำคัญในการลดต้นทุนการขนส่งและลดการพึ่งพาการขนส่งทางถนน โดยมีการวางแนวทางชัดเจนให้พัฒนาทั้งโครงสร้างพื้นฐาน กองยานพาหนะ เทคโนโลยี และบุคลากร เพื่อดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนและยกระดับระบบขนส่งภายในประเทศให้สอดรับกับเป้าหมาย “Net Zero” ในปี 2593

ในมิติสิ่งแวดล้อม ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และสภาการขนส่งระหว่างประเทศ (ITF) แสดงให้เห็นว่า การขนส่งทางรางสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 75-80% เมื่อเทียบกับถนน ขณะที่การขนส่งทางน้ำก็โดดเด่นในด้านการประหยัดพลังงานและการขนส่งปริมาณมากอย่างคุ้มค่า ทั้งยังสอดคล้องกับแรงกดดันใหม่จากสหภาพยุโรปภายใต้กลไกการปรับคาร์บอนที่ชายแดน (CBAM) ที่บังคับให้ผู้ส่งออกต้องแสดงข้อมูลการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานอย่างละเอียด

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคยังคงมีอยู่ ทั้งข้อจำกัดด้านความเร็วและความจุของระบบรางในเวียดนาม ปัญหาคอขวดในท่าเรือแม่น้ำ รวมถึงความจำเป็นในการขุดลอกร่องน้ำและปรับปรุงกองเรือให้ทันสมัย การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ระบบรางและระบบน้ำสามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านต้นทุนและเวลา

อนาคตของโลจิสติกส์สีเขียวไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วิธีการขนส่งเพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หากแต่เป็นการสร้าง การขนส่งหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) ที่บูรณาการถนน ราง และน้ำเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ พร้อมระบบดิจิทัลที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างท่าเรือ ศูนย์โลจิสติกส์ และเครือข่ายรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ FWC 2025 ต้องการเน้นย้ำคือ การส่งเสริมการขนส่งทางน้ำและทางรถไฟไม่ใช่เพียงทางเลือกด้านสิ่งแวดล้อม แต่คือยุทธศาสตร์การค้าโลกที่จะทำให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยั่งยืนและปรับตัวได้จริง หากสามารถก้าวข้ามอุปสรรคด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตรฐาน และการบริหารจัดการ การขนส่งทางน้ำและทางรางจะไม่เพียงเป็น “กระดูกสันหลังสีเขียว” ของโลจิสติกส์เท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ที่เน้นสมดุลระหว่างการแข่งขันและความยั่งยืน