เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กระทรวงคมนาคมรายงานสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นบนโครงข่ายถนนทั่วประเทศ โดยระบุว่าในช่วงวันที่ 1–30 กรกฎาคม มีถนนในความรับผิดชอบของทั้งกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 184 แห่ง ใน 22 จังหวัด โดยในจำนวนนี้มี 17 แห่งที่ระดับน้ำสูงจนไม่สามารถให้รถผ่านได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งวางแผนเข้าซ่อมแซมฟื้นฟูถนนทันทีเมื่อระดับน้ำเริ่มลดลง

ตามรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ณ เวลา 06.00 น. ของวันเดียวกัน ระบุว่าประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ เช่น เชียงราย พะเยา น่าน ตาก อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีก 10 จังหวัด รวมถึงบางส่วนของภาคกลางและภาคตะวันออก เช่น กาญจนบุรี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ส่งผลกระทบต่อถนนสายหลักและสายรองอย่างต่อเนื่อง

สำหรับถนนในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง มีจำนวนที่ได้รับผลกระทบสะสม 147 แห่ง และในจำนวนนั้น มี 7 แห่งที่ระดับน้ำยังคงสูงเกินกว่ารถจะสัญจรผ่านได้ ซึ่งกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ และสุโขทัย เช่น ถนนทางหลวงหมายเลข 1098, 1155 และ 101 ซึ่งน้ำท่วมขังในหลายช่วงทาง ทำให้ต้องปิดการจราจรเพื่อความปลอดภัย

ขณะที่ถนนในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท มีจำนวนจุดที่ได้รับผลกระทบรวม 37 แห่ง โดย 10 แห่งไม่สามารถสัญจรได้ พบมากในจังหวัดน่านและแพร่ ซึ่งถนนสายรองหลายสายถูกน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตอำเภอเมืองและพื้นที่ห่างไกล กระทบต่อการเดินทางและการเข้าถึงของหน่วยช่วยเหลือ

กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ทั้งกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ติดตั้งป้ายเตือน เครื่องหมายจราจร กรวย และกระสอบทรายเพื่ออำนวยความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมเร่งซ่อมแซมพื้นผิวถนนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

นอกจากนี้ หน่วยงานในพื้นที่ยังได้ปักเสาแสดงแนวเขตถนนในบริเวณที่น้ำท่วมสูง รวมถึงติดตั้งป้ายแจ้งเตือนระดับน้ำ เพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสัญจรในเส้นทางที่มีความเสี่ยง พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมฟื้นฟูโครงข่ายคมนาคมโดยเร็วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย