คมนาคมระดมกำลังช่วยประชาชนชายแดนไทย–กัมพูชา สั่งปิดเส้นทางเสี่ยง อพยพกลุ่มเปราะบาง ดูแลศูนย์พักพิงเต็มที่
วันนี้ (14 ธันวาคม 2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมบูรณาการกำลังอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยย้ำให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชน การอพยพกลุ่มเปราะบาง และการอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมในพื้นที่ศูนย์พักพิงทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ
จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายจังหวัดชายแดน กระทรวงคมนาคมได้เร่งสนับสนุนการทำงานของจังหวัดและฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงตามความต้องการของพื้นที่
ในจังหวัดบุรีรัมย์ เกิดเหตุปะทะในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด บริเวณช่องสายตะกู ส่งผลให้จังหวัดมีคำสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่อำเภอบ้านกรวดและอำเภอละหานทราย พร้อมงดใช้เส้นทางทางหลวงหมายเลข 224 สายบ้านกรวด–ละหานทราย–พนมดงรัก เพื่อความปลอดภัย สำนักงานขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ได้สนับสนุนรถยนต์จำนวน 10 คัน สำหรับการอพยพประชาชนกลุ่มเปราะบางไปยังสถานพยาบาลและศูนย์พักพิง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว และงดการเดินรถในพื้นที่เสี่ยงตามข้อสั่งการของจังหวัด
ด้านจังหวัดสุรินทร์ ยังคงมีสถานการณ์ความไม่สงบในหลายพื้นที่ชายแดน ส่งผลให้มีประชาชนอพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวกว่า 80,000 คน กระจายอยู่ในศูนย์พักพิง 145 แห่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดสุรินทร์ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่และยานพาหนะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลการเดินทางและความปลอดภัยในศูนย์พักพิง พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัด กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ขณะที่จังหวัดตราด กรมทางหลวงรายงานเหตุลูกกระสุนตกบนทางหลวงหมายเลข 3 ตอนแม่น้ำตราด–หาดเล็ก ทำให้ต้องปิดการจราจรบางช่วงเป็นการชั่วคราว หน่วยงานด้านความมั่นคงได้เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่เขตตัวเมืองตราดเพื่อความปลอดภัย พร้อมกันนี้ แขวงทางหลวงตราดได้อพยพหมวดทางหลวงในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ หมวดทางหลวงแหลมกลัด ช้างทูน และด่านชุมพล ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ปลอดภัย ตามแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินของหน่วยงาน
นายพิพัฒน์ระบุว่า กระทรวงคมนาคมได้กำชับให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และปรับแผนการเดินรถรวมถึงการใช้เส้นทางให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง พร้อมสนับสนุนภารกิจการอพยพประชาชนและการดำเนินงานของศูนย์พักพิงในทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงคมนาคมจะยังคงบูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ และยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

