นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการโอนสิทธิบริหาร 3 ท่าอากาศยานภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ไปให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยระบุว่า หลังจากเข้ามากำกับดูแล ทย. ซึ่งรับผิดชอบดูแลท่าอากาศยานภูมิภาค 28 แห่ง พบว่าท่าอากาศยานแต่ละแห่งมีข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกัน เช่น ท่าอากาศยานหัวเมืองท่องเที่ยวหลักก็สามารถรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ส่วนท่าอากาศยานเมืองรองก็รองรับส่งต่อผู้โดยสารภายในประเทศ
ส่วนภาพรวมรายได้ของ ทย. ส่วนใหญ่ยังมาจากท่าอากาศยานกระบี่ มีกำไรถึง 180 ล้านบาท สนามบินอุดรธานี ซึ่งมีกำไร 30 ล้านบาท ส่วนท่าอากาศยานขอนแก่น และท่าอากาศยานอุดรธานี มีกำไรรวมกว่า 40 ล้านบาท โดยกำไรจากการบริหารท่าอากาศยานเหล่านี้ ทย.จะนำไปบริหารจัดการค่าใช้จ่าย อุดหนุนในส่วนของท่าอากาศยานที่ขาดทุน
รวมทั้งพัฒนาบริการท่าอากาศยานภูมิภาคให้รองรับต่อการบริการผู้โดยสารภายใต้คอนเซ็ปต์ "สนามบินมีชีวิต" ซึ่งต้องพร้อมในด้านบริการผู้โดยสาร มีอัตลักษณ์ มีการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และภาคขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อท่าอากาศยานและแหล่งท่องเที่ยว
ต้องยอมรับว่าการดำเนินงานบริหารสนามบินทั้ง 28 แห่งของภาครัฐ ยังมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ผลประกอบการรวม 28 สนามบินในปีที่ผ่านมาพบว่ามีรายได้ และทำกำไรประมาณ 250 ล้านบาท ส่วนรายจ่ายมีจำนวนรวม 330 ล้านบาททำให้ประสบปัญหาขาดทุนกว่า 80 ล้านบาท ดังนั้นกระทรวงฯ พิจารณาแล้วว่า ทย.พัฒนาท่าอากาศยานทั้งหมดและบริหารรายได้จะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่า อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมทุกสนามบินให้ยืนอยู่ได้ ท้ายที่สุดก็ไม่ต้องพึ่งพางบประมาณของรัฐบาล
ขณะเดียวกันตนได้มอบหมายให้ทุกท่าอากาศยานจัดตั้งคณะทำงานบูรณการร่วมกับทุกภาคส่วนในท้องถิ่น โดยมีหัวหน้าหน่วยงานในจังหวัดทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกรรมการ เพื่อให้การต่อยอดการพัฒนาท่าอากาศยานและท้องถิ่นควบคู่กันไป เช่น การเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะของท้องถิ่น การประชาสัมพันธ์กิจกรรมและประเพณีของท้องถิ่น
รวมไปถึงการนำสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และสั่งการให้ ทย.บริหารสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลให้มีความหลากหลายมากขึ้น หากดำเนินการสิ่งเหล่านี้คาดว่าจะทำให้ ทย.มีรายได้เพิ่มประมาณ 30%
นางมนพร กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าหากแต่ละท่าอากาศยานบริหารจัดการให้เป็นสนามบินมีชีวิต ตอบโจทย์บริการผู้โดยสาร พร้อมทั้งบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์บริหารรายได้ให้มีศักยภาพ จะทำให้แต่ละท่าอากาศยานมีรายได้และทำกำไร
ดังนั้นตนจึงมีนโยบายที่จะชะลอแผนการโอนสิทธิ์บริหาร 3 ท่าอากาศยาน คือ ท่าอากาศยานกระบี่ ท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จากเดิมที่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2565 เห็นชอบในหลักการให้มีการโอนสิทธิ์ดังกล่าวไปอยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท.
ที่มา - bangkokbiznews