หลังรัฐบาลตัดสินใจชะลอโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในเฟส 3 และ 4 ที่เคยตั้งงบไว้กว่า 157,000 ล้านบาท ล่าสุดกระทรวงคมนาคมกลายเป็นหนึ่งในกลไกหลักที่จะได้รับงบก้อนนี้ไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแทน โดยจะนำไปลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน เพิ่มศักยภาพการคมนาคม และลดผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกและมาตรการภาษีจากสหรัฐฯ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ได้มีคำสั่งชัดเจนให้กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และหน่วยงานอื่นๆ เร่งจัดทำแผนเสนอรายการโครงการที่พร้อมดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการที่ถูกตัดงบประมาณจากปี 2568-2569 เพื่อฟื้นกลับมาดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

ทุกหน่วยงานต้องเร่งสรุปรายละเอียดและส่งกลับมายังกระทรวงภายในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ก่อนที่จะนำเสนอให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน โดยกรอบงบประมาณทั้งหมดจะครอบคลุมหลากหลายมิติ ทั้งด้านน้ำ คมนาคม การท่องเที่ยว เกษตรกรรม และการส่งออก ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้รับการจัดลำดับความสำคัญเป็นพิเศษ

แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมโครงการต่างๆ ที่สามารถนำกลับมาดำเนินการได้ทันที เช่น โครงการขยายถนนสายหลัก บำรุงรักษาทางหลวง และโครงการแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟกับถนน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดปัญหาจราจร โดยคาดว่าจะเสนอของบประมาณรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมราว 100 โครงการทั่วประเทศ

ในขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก็ได้ยื่นแผนโครงการต่อกระทรวงคมนาคมไปแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเสนอขอใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 2,720 ล้านบาท ครอบคลุม 123 โครงการทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงแผนก่อสร้างและปรับปรุงลานเก็บกองตู้คอนเทนเนอร์ในจังหวัดระยองและราชบุรี วงเงินรวม 104 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นการพลิกเกมใช้งบประมาณครั้งสำคัญของรัฐบาล ที่หันมาเน้นการลงทุนสร้างงาน สร้างรายได้ผ่านโครงสร้างพื้นฐานแทนการแจกเงินตรง และหากการพิจารณาโครงการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ก็มีโอกาสเห็นหลายโครงการเร่งเปิดไซต์ก่อสร้างได้ภายในปีนี้ทันที ซึ่งจะช่วยเสริมแรงให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่ยังเปราะบาง

ที่มา - thansettakij