สถานการณ์ตลาดข้าวโลกปีนี้เต็มไปด้วยแรงกดดันทั้งจากภาวะผลผลิตที่ล้นตลาดและค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยรายงาน Rice Outlook เดือนกันยายน 2568 ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวโลกในปี 2568/69 จะสูงถึง 541.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนและถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าผลผลิตในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย รัสเซีย และเวียดนาม จะลดลง แต่ก็ถูกชดเชยด้วยผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในคาซัคสถานและสหรัฐฯ รวมถึงประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ อาทิ บังกลาเทศ จีน และอินเดีย ซึ่งมีสัดส่วนผลผลิตมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก
ในขณะที่อุปทานข้าวโลกถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 729.5 ล้านตัน ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่สาม ส่วนการบริโภคข้าวทั่วโลกยังคงขยายตัวในหลายประเทศ อาทิ บังกลาเทศ อินเดีย ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม อย่างไรก็ดี ปริมาณข้าวคงเหลือสิ้นปี 2568/69 ถูกประเมินว่าจะอยู่ที่ 187.3 ล้านตัน แม้เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าปีก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในจีนและอินเดีย
สำหรับการค้าข้าวโลกในปี 2569 มีแนวโน้มจะขยายตัวทำสถิติใหม่ที่ 62.1 ล้านตัน เนื่องจากการส่งออกข้าวของพม่าที่พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการส่งออกข้าวหักราคาถูกไปยังจีน ทำให้ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อื่น ๆ อย่างปากีสถานและสหรัฐฯ ต้องปรับลดประมาณการส่งออกลง
ราคาข้าวในตลาดโลกยังคงอ่อนตัว ข้าวเปลือกอินเดียและเวียดนามปรับตัวลดลงตามความต้องการที่ซบเซา ขณะที่ราคาข้าวพม่าต่ำที่สุดในเอเชียอยู่ที่ 330 ดอลลาร์ต่อตัน ในทางกลับกัน ราคาข้าวขาวเกรด B 100% ของไทยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 372 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ราคาข้าวที่เกษตรกรไทยขายได้กลับลดลงต่อเนื่อง โดยข้าวหอมมะลิปรับลดลงเหลือเฉลี่ยตันละ 14,817 บาท และข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% เฉลี่ยตันละ 6,591 บาท
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศระบุว่า การส่งออกข้าวไทยในช่วง 8 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 5.24 ล้านตัน ลดลง 20% จากปีก่อน มูลค่าการส่งออก 3,061 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หากคิดเป็นเงินบาท มูลค่าการส่งออกข้าวไทยลดลงกว่า 51,000 ล้านบาท หรือราว 33% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 7.68% จากค่าเฉลี่ย 36.02 บาทต่อเหรียญฯ ในปีก่อน เหลือเพียง 33.26 บาทต่อเหรียญฯ ในปีนี้
ท่ามกลางแรงกดดันจากค่าเงิน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ตั้งทีมตรวจสอบและติดตามการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท โดยมีหลายหน่วยงานเข้าร่วม เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงาน ปปง.
ด้านกรมการค้าต่างประเทศยังคงเดินหน้าขยายตลาดส่งออก โดยล่าสุดได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มในออสเตรเลีย เพื่อนำเสนอข้าวหอมมะลิไทยและข้าวชนิดอื่น ๆ ต่อผู้ประกอบการทั่วโลก สร้างการรับรู้ถึงคุณภาพ มาตรฐาน และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของข้าวไทย
พร้อมกันนี้ กรมการข้าวยังเปิดตัวพันธุ์ข้าวใหม่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ กขจ3 กข113 กข117 และ กข119 ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นเรื่องความนุ่ม คุณภาพการหุงต้ม และความต้านทานต่อสภาพแวดล้อม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าและการแข่งขันในตลาดโลก แต่ไทยยังคงมุ่งหวังพัฒนาและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ผ่านการปรับปรุงพันธุ์ข้าวและการทำตลาดเชิงรุก เพื่อรักษาฐานการส่งออกข้าวในฐานะหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของตลาดโลกต่อไป