ทั่วโลกกำลังจับตาวันที่ 2 เมษายน นี้ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ (สมัยที่ 2) เตรียมประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ซึ่งอาจเขย่าระบบการค้าโลกอีกระลอก
หลังทรัมป์หวนคืนทำเนียบขาวเมื่อ 20 มกราคม 2568 ภายใต้นโยบาย “America First” เขาได้สั่งการให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเร่งดำเนินมาตรการลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง
ไทย...เป้าหมายที่ 11 ในลิสต์ขาดดุลสหรัฐฯ
ประเทศไทยอยู่ในลิสต์ประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับที่ 11 โดยในปี 2567 ไทยได้ดุลกว่า 45,609 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่อยู่ที่ 40,725 ล้านดอลลาร์ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกสหรัฐฯ เพ่งเล็งและใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้
4 ประเด็นความเสี่ยง “ส่งออกไทย”
- เสี่ยงถูกขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย
สินค้าไทยที่อาจตกเป็นเป้าหมาย ได้แก่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แผงโซลาร์ ยางรถยนต์ หม้อแปลง วงจรรวม เครื่องปรับอากาศ รวมถึงสินค้าเกษตรและอาหาร ที่ไทยยังคงเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงกว่าสินค้าประเภทอื่น - เจอมาตรการ AD/CVD เข้มข้นขึ้น
สหรัฐฯ อาจเร่งใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping) และการอุดหนุน (Countervailing Duties) มากขึ้น สินค้าไทยที่เคยถูกสอบสวน เช่น เหล็ก แผงโซลาร์ และเคมีภัณฑ์ มีแนวโน้มจะเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง - ถูกมองเป็น “ทางผ่าน” สินค้าจีน
การที่ไทยนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้น และส่งออกสินค้าคล้ายกันไปยังสหรัฐฯ อาจทำให้ไทยถูกสงสัยว่าเป็นฐานเลี่ยงภาษีของจีน (Rerouting) ซึ่งสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการ Anti-circumvention เหมือนกรณีแผงโซลาร์ที่เคยเกิดขึ้น - บริษัทสหรัฐฯ ที่ตั้งฐานผลิตในไทย อาจถูกกระทบ
บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ที่ตั้งโรงงานในไทยและส่งออกกลับไปยังสหรัฐฯ อาจถูกลดสิทธิประโยชน์ เพื่อบีบให้กลับมาผลิตในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อกลุ่มสินค้าคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ไทยส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ
สนค. วางแผนรับมือ – เร่งลดดุลการค้าแบบ “Win-Win”
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เตรียมรับมือด้วยกลยุทธ์ลดแรงปะทะ โดยเน้นการเจรจาแบบต่างตอบแทนกับสหรัฐฯ เช่น การ นำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ช่วยเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต และส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนรับมือกรณีสหรัฐฯ กดดันให้ไทยเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มเติม ซึ่งต้องพิจารณาผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศอย่างรอบคอบ อีกด้านหนึ่ง ไทยต้อง เร่งพิสูจน์แหล่งกำเนิดสินค้า ให้โปร่งใส ชัดเจน เพื่อป้องกันข้อครหาจากสหรัฐฯ และยังต้องคว้าโอกาสจากการ ย้ายฐานการผลิต ของประเทศที่เผชิญข้อพิพาทการค้า เช่น จีนและสหรัฐฯ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ
ทางรอดระยะยาว – กระจายตลาด สร้างพันธมิตร
เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดิมและกระจายความเสี่ยง ไทยควรเร่งเปิดตลาดใหม่ ๆ เช่น เอเชียใต้ ลาตินอเมริกา แอฟริกา ควบคู่กับการ สร้างพันธมิตรทางการค้าหลากหลาย และการ ปรับโครงสร้างการผลิต ที่เน้นเพิ่มมูลค่าในประเทศอย่างแท้จริง
ที่มา - bangkokbiznews