จีนและเวียดนาม ได้ฤกษ์เปิดศักราชใหม่แห่งการขนส่งสินค้าทางถนนข้ามพรมแดนอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ด้วยการเปิดเส้นทางขนส่งจากเมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซีจ้วง และนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน มุ่งตรงสู่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นับเป็นครั้งแรกที่รถบรรทุกสินค้าของจีนสามารถเข้าสู่ใจกลางเวียดนามได้โดยตรงภายใต้กรอบความตกลง CBTA (ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดนสำหรับสินค้าและบุคคลในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง) ซึ่งจะช่วยยกระดับความสะดวกและประสิทธิภาพของการขนส่งระหว่างสองประเทศอย่างเห็นได้ชัด

ขบวนรถขนส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผักสด และสินค้าทั่วไป ที่ออกเดินทางพร้อมกันจากสองเมืองใหญ่ของจีน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเส้นทางขนส่งสองสายที่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ เส้นทางแรกจาก หนานหนิง ผ่านด่านโหย่วอี้กวน เข้าสู่เวียดนามที่ด่านหูหงิ มุ่งหน้าสู่ฮานอยในระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร สามารถถึงที่หมายได้ภายในวันเดียว ส่วนเส้นทางที่สองจาก คุนหมิง ผ่านด่านเหอโข่ว เข้าสู่เวียดนามที่ด่านลาวไก สู่ฮานอยในระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 วัน

ความพิเศษของการขนส่งในครั้งนี้คือการใช้โมเดล “ตู้เดียวกันตลอดทาง” และ “รถคันเดียวกันตลอดทาง” ซึ่งช่วยให้การขนส่งเป็นแบบ “ประตูถึงประตู” และ “จุดถึงจุด” ลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ เปลี่ยนรถ หรือเปลี่ยนภาชนะขนส่งที่ด่านศุลกากรแบบเดิมๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ลดเวลาการขนส่งลงประมาณ 1 วัน และ ประหยัดต้นทุนเฉลี่ย 800-1,000 หยวนต่อคัน ทำให้สามารถขนส่งสินค้าแบบ “ออกวันนี้ ถึงวันรุ่งขึ้น” ได้จริง

ตลอดเส้นทาง ผู้แทนจากหน่วยงานขนส่ง ศุลกากร และตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศได้ร่วมเดินทางเพื่อตรวจสอบสภาพถนน โครงสร้างพื้นฐาน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดเส้นทางครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

บริษัท Sinotrans ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดหาสินค้าและผู้ให้บริการขนส่งเต็มรูปแบบ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของเวียดนามและกรมขนส่งกว่างซี เพื่อให้มั่นใจว่าการขนส่งเป็นไปตามมาตรฐานการขนส่ง GMS และเอกสาร CBTA พร้อมทั้งมีการวางแผนเส้นทางข้ามประเทศล่วงหน้า จัดเตรียมรถและสินค้า และใช้ระบบควบคุมอัจฉริยะ รวมถึงระบบระบุตำแหน่งดาวเทียม Beidou เพื่อติดตามการขนส่งแบบเรียลไทม์

ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวก ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผ่านด่าน แต่ยังเป็นการสร้างเส้นทางโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งเชื่อมโยงจีนกับอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด