สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยดัชนีราคาส่งออกเดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 111.1 ขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ยังสะท้อนถึงความต้องการสินค้าไทยในตลาดโลกที่มีทิศทางเป็นบวก แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวจากหลายปัจจัยกดดัน ทั้งการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทที่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย

ดัชนีราคาส่งออกที่ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมได้รับแรงหนุนจากหมวดสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัว 1.6% โดยเฉพาะทองคำที่ได้รับอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าเทคโนโลยีอย่างคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ได้แรงหนุนจากความต้องการใช้งานด้าน AI และ Big Data รวมถึงเครื่องปรับอากาศที่ความต้องการทั้งในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน หมวดอุตสาหกรรมการเกษตรก็ขยายตัว 1.1% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากอาหารทะเลกระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ในทางกลับกัน หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับลดลง ได้แก่ หมวดแร่และเชื้อเพลิงที่ลดลงถึง 9.3% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูปที่ราคาปรับตัวตามทิศทางน้ำมันดิบโลกซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำจากภาวะอุปทานส่วนเกิน รวมทั้งหมวดสินค้าเกษตรที่ลดลง 5.6% จากราคาข้าว ผลไม้สดแช่เย็นและแปรรูป รวมถึงยางพาราที่เผชิญภาวะอุปทานเกินความต้องการ ขณะที่ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้รับแรงกดดันจากราคาตลาดโลกที่อ่อนตัวและการแข่งขันด้านราคากับประเทศเพื่อนบ้าน

ด้านดัชนีราคานำเข้าเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 115.8 เพิ่มขึ้น 2.7% ปัจจัยหนุนหลักมาจากหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขยายตัว 7.5% โดยมีการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม รวมถึงเครื่องประดับอัญมณีเพื่อรองรับการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ หมวดสินค้าทุนขยายตัว 5.2% ตามความต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับการผลิตและการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัล ส่วนหมวดวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 4.9% โดยเฉพาะทองคำที่ยังคงมีแรงซื้อจากธนาคารกลางหลายประเทศ รวมถึงปุ๋ยและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ความต้องการปรับเพิ่มตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมโลก อย่างไรก็ดี หมวดสินค้าเชื้อเพลิงปรับลดลง 8.9% ตามราคาน้ำมันดิบที่ยังอ่อนตัวจากภาวะอุปทานล้นตลาด

สำหรับแนวโน้มเดือนกันยายน 2568 สนค.ประเมินว่าดัชนีราคาส่งออกและนำเข้าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปที่ยังคงเติบโต รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI ศูนย์ข้อมูล และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ยังเป็นที่ต้องการในตลาดโลก แต่ในขณะเดียวกัน ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ มาตรการด้านการค้าของสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ ที่หันมาเน้นสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ตลอดจนมาตรการสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่า ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำคัญต่อภาคการส่งออกไทยในระยะถัดไป