DP World บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่จากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานท่าเรือ การบริการทางทะเล และเขตการค้าเสรี กำลังขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เข้าลงทุนในเวียดนามและฟิลิปปินส์อย่างหนักหน่วง พร้อมแสดงความสนใจอย่างยิ่งที่จะร่วมลงทุนใน โครงการแลนด์บริดจ์ ของประเทศไทย

รุกคืบเวียดนาม: เปิดเส้นทาง Mekong Express ย่นเวลาขนส่ง 70%

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา DP World ได้ประกาศความร่วมมือกับ VIMC Container Lines Joint Stock Company (VIMC Lines) ของเวียดนาม เปิดตัวเส้นทางขนส่งทางทะเล-แม่น้ำภายในประเทศสายใหม่ชื่อ "Mekong Express" เส้นทางนี้เชื่อมระหว่างท่าเรือ Can Tho (Cai Cui) และ Cai Mep ซึ่งจะช่วยลดเวลาการขนส่งทางน้ำจากเดิม 48 ชั่วโมง เหลือเพียง 15 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางผสมผสานทั้งทางน้ำและทางทะเล ซึ่งมีระยะทางสั้นกว่าเส้นทางเดิมถึง 70% ทำให้การขนส่งรวดเร็ว ยั่งยืน และคุ้มค่าต้นทุนมากขึ้น

Mekong Express ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับสินค้าแห้งและสินค้าแช่เย็น สามารถขนส่งตู้สินค้าได้หลายร้อย TEU ต่อเที่ยว และรองรับตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นได้จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายเส้นทางให้บริการไปยัง Saigon Premier Container Terminal (SPCT) ที่ DP World ดำเนินการ และ Saigon Hiep Phuoc Port ภายใต้ VIMC ด้วย การเพิ่มการเชื่อมต่อนี้จะช่วยเสริมสร้างบทบาทของเวียดนามในเครือข่ายโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เวียดนามใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (MDKER) และภูมิภาคเศรษฐกิจสำคัญทางใต้ (SKER)

ทุ่มงบเสริมแกร่งท่าเรือฟิลิปปินส์: 100 ล้านดอลลาร์ ยกระดับ Manila South Harbour

อีกด้านหนึ่ง DP World ร่วมกับ Asian Terminals Inc. (ATI) พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ได้เสร็จสิ้นโครงการสำคัญในการปรับปรุง Manila South Harbour (MSH) ซึ่งเป็นประตูการค้าระหว่างประเทศชั้นนำของฟิลิปปินส์ ด้วยงบลงทุนประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โครงการนี้ประกอบด้วยการขยายท่าเทียบเรือ 3 ให้ยาวกว่า 600 เมตร ขยายลานจอดรองรับตู้สินค้าได้ถึง 20,000 TEU เพิ่มเครน Ship-to-Shore (STS) ใหม่ 2 ตัว และจัดซื้ออุปกรณ์บนบกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สุลต่านอาเหม็ด บิน สุลาเยม ประธานและซีอีโอของ DP World Group ยืนยันความมุ่งมั่นของ DP World ในการเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลฟิลิปปินส์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการค้าที่สำคัญ การลงทุนในท่าเรือและโลจิสติกส์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับห่วงโซ่อุปทานและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของ DP World ในฐานะผู้สนับสนุนการค้าและผู้นำด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ

ผลจากการลงทุนนี้ ทำให้ MSH มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2024 จัดการตู้คอนเทนเนอร์เกือบ 1.3 ล้าน TEU เพิ่มขึ้นเกือบ 8% จากปีก่อน และในไตรมาสแรกของปี 2025 ยอดตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศพุ่งสูงกว่า 350,000 TEU เพิ่มขึ้นกว่า 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 ซึ่งบ่งชี้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของฟิลิปปินส์

DP World สนแลนด์บริดจ์ไทย: ยืนยันความมั่นใจในโครงการเมกะโปรเจกต์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ประชุมร่วมกับบริษัท DP World เพื่อหารือถึงความพร้อมในการลงทุนใน โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ Landbridge (แลนด์บริดจ์)

DP World ยังคงแสดงความสนใจอย่างต่อเนื่องในโครงการนี้ และต้องการนัดหารือกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อีกครั้งเพื่อยืนยันความพร้อมในการพัฒนาโครงการ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะเดินหน้าตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ โดยขณะนี้ DP World อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการเพื่อประเมินวงเงินลงทุน และอาจมีการปรับรายละเอียดของแผนลงทุนแต่ละระยะเพิ่มเติมจากผลการศึกษาของฝ่ายไทย

ผลการศึกษาของ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แบ่งการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ออกเป็น 4 ระยะ:

ระยะที่ 1 (ประมาณ 5.22 แสนล้านบาท): พัฒนาท่าเรือบางส่วน โดยท่าเรือฝั่งระนองรองรับ 6 ล้าน TEU และท่าเรือฝั่งชุมพรรองรับ 4 ล้าน TEU พร้อมพัฒนาโครงการรถไฟและมอเตอร์เวย์ 4 ช่องจราจร คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2573
ระยะที่ 2 (ประมาณ 1.64 แสนล้านบาท): ขยายขีดความสามารถท่าเรือ โดยท่าเรือฝั่งระนองรองรับ 12 ล้าน TEU และท่าเรือฝั่งชุมพรรองรับ 8 ล้าน TEU พร้อมขยายมอเตอร์เวย์เป็น 6 ช่องจราจร คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2576
ระยะที่ 3 (ประมาณ 2.28 แสนล้านบาท): ขยายขีดความสามารถท่าเรือ โดยท่าเรือฝั่งระนองรองรับ 20 ล้าน TEU และท่าเรือฝั่งชุมพรรองรับ 14 ล้าน TEU คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2578
ระยะที่ 4 (ประมาณ 8.51 หมื่นล้านบาท): ขยายขีดความสามารถท่าเรือฝั่งชุมพรให้รองรับ 20 ล้าน TEU พร้อมขยายโครงการพัฒนาพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (SRTO) คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2581


การที่ DP World ซึ่งเป็นผู้เล่นระดับโลกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ให้ความสนใจในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย ถือเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและวิสัยทัศน์ของโครงการที่จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้