น้ำมันดิบเคลื่อนไหวแคบ เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง แต่ความตึงเครียดโลกยังกดดันตลาด
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเคลื่อนไหวในกรอบแคบ จากการที่นักลงทุนประเมินสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งขยายตัวดีกว่าที่คาด ควบคู่กับความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงตึงเครียด ทั้งกรณีสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่อการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา และสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงกระทบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
รายงานจากรอยเตอร์ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าปรับลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.4% มาอยู่ที่ 62.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐฯ ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% อยู่ที่ระดับ 58.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยทั้งสองสัญญายังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 6% นับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม หลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี
โทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์จาก IG ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากการปรับสมดุลสถานะในตลาดที่มีสภาพคล่องค่อนข้างบาง ประกอบกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการปิดล้อมการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯ รวมถึงแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบสองปีในไตรมาสที่สาม โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งและการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของภาคการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทั้งปี ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยเบรนท์และ WTI คาดว่าจะลดลงประมาณ 16% และ 18% ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากความกังวลว่าอุปทานน้ำมันในปีหน้าจะมีมากกว่าความต้องการ
ในด้านอุปทาน ตลาดยังคงจับตาการหยุดชะงักของการส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงราคาน้ำมัน ขณะเดียวกัน การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอย่างต่อเนื่องระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ยังเป็นแรงหนุนต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ตามรายงานของ Haitong Futures ระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันมากกว่า 12 ลำยังคงจอดรอคำสั่งใหม่ในน่านน้ำเวเนซุเอลา หลังจากสหรัฐฯ ยึดเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ Skipper เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และเล็งเป้าหมายเรืออีกสองลำในช่วงสุดสัปดาห์
เดนนิส คิสเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการซื้อขายของ BOK Financial กล่าวว่า ความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงวันหยุดถือเป็นภาวะปกติ โดยประเด็นการปิดล้อมเวเนซุเอลายังคงเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในตลาดเปิดเผยว่า การส่งออกน้ำมันจากคาซัคสถานผ่านท่อส่งน้ำมันแคสเปียน (CPC) มีแนวโน้มลดลงราวหนึ่งในสามในเดือนธันวาคม ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 หลังจากโดรนของยูเครนโจมตีสร้างความเสียหายต่อสิ่งอำนวยความสะดวกที่ท่าเรือส่งออกหลัก
ด้านข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันของสหรัฐฯ จากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ระบุว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.39 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่น้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ มีกำหนดเผยแพร่ตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันจันทร์หน้า ซึ่งล่าช้ากว่าปกติเนื่องจากวันหยุดคริสต์มาส

